หุ้นไทยเช้านี้ ยังทรงตัวในแดนบวก โดยมีปัจจัยต่างประเทศหนุน สลับกับแรงขายทำกำไร ส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวผันผวน นักลงทุนชะลอดูการเมืองนิ่ง กังวลกลุ่มเพื่อน “เนวิน” ยังมีโอกาสหักหลัง ปชป.กลับลำหนุน “เพื่อไทย” ขณะที่นายกรักษาการนายกฯ อาจพลิกเกมสั่งยุบสภาหนี ปชป.ครองแกนนำรัฐบาล
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ (09 ธันวาคม 2551) ดัชนีเปิดตลาดในแดนบวก โดยเมื่อเวลา 10.34 น.ดัชนีปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 413.70 จุด เพิ่มขึ้น 3.12 จุด มูลค่าการซื้อขาย 5,507.57 ล้านบาท โดยมีแรงขายทำกำไรเข้ามาเป็นระยะๆ ส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคย แม้จะมีปัจจัยหนุนจากต่างประเทศ นักวิเคราะห์คาดว่า นักลงทุนยังชะลอดูทิศทางการเมืองให้นิ่งขึ้น
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ค่อนข้างแกว่งตัวภายหลังจากเมื่อวานปรับตัวขึ้นแรงภายใต้ 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยด้านภูมิภาค และด้านการเมืองการที่ขอเปิดประชุมวิสามัญได้
ตลาดหุ้นในวันนี้มองเป็นแนวโน้มของการแกว่งตัว เพื่อรอความชัดเจนกรณีของการเมือง ถึงแม้ว่าภูมิภาคจะปรับตัวสูงขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ในกรณีของการเมืองก็ยังไม่ชัดเจนทีเดียวแต่อย่างน้อยตลาดก็ตอบรับด้านบวก ซึ่งฝ่ายวิจัยก็มีมุมมองของตลาดด้านบวกจากตลาดภูมิภาคและจากประเด็นด้านการเมือง
“นายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีผลต่อตลาดเยอะ ตลาดก็ตอบรับทางบวกจากกรณีที่จะได้นายกฯเร็วๆ นี้ แต่ด้วยความที่ไม่ชัดเจนตอนนี้น้ำหนักมาทางประชาธิปัตย์แต่ยังไม่ได้ชัดทีเดียวทั้งหมด นักลงทุนบางส้วนก็ยังรีรออยู่ แต่มุมมองที่ให้เป็นทางบวก”
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.บัวหลวง กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเช้าวันนี้ทิศทางแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยอาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ภายหลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นแรงกว่า 4% ตอบรับข่าวการพลิกขั้วทางการเมืองมาเป็นพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมขึ้นเป็นแกนนำรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากยังมีความเสี่ยงว่ากลุ่มเพื่อนเนวินอาจถูกดึงตัวกลับไปหนุนพรรคเพื่อไทย และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการยุบสภาก่อนแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ บรรยากาศการการลงทุนจึงมีความเสี่ยงขึ้นมาอีกครั้ง และนักลงทุนอาจยังไม่กล้าเข้ามาซื้อขาย เพื่อรอความชัดเจนทางการเมือง
ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ สามารถปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อหุ้น หลังนายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯให้คำมั่นว่า เขาจะเพิ่มการลงทุนในโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกพร้อมกัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับลงต่อเนื่องแม้ว่าวันนี้จะรีบาวนด์แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น่าจะเป็นผลบวกต่อจิตวิทยากรลงทุนใน ประเทศได้ราคาน้ำมันดิบไลท์ล่วงหน้าสัญญาส่งมอบเดือนมกราคม 2552 ที่ตลาดนิวยอร์กปิดตลาดที่ราคา 43.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.90 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 8,934.18 จุด เพิ่มขึ้น 298.76 จุด หรือ 3.46% ดัชนีแนสแดกปิดที่ระดับ 1571.74 จุด เพิ่มขึ้น 62.43 จุด หรือ 4.14% ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดเช้าที่ระดับ 8,369.43 จุด เพิ่มขึ้น 40.38 จุด หรือ 0.48%
นายวิวัฒน์ เตชะพูนผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในวันนี้คาดว่ามีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 420-426 จุด ตามดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดตลาดบวกเกือบ 300 จุด เนื่องจากขานรับข่าวนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนใหม่ ประกาศใช้แผนกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสาธารณูโภคครั้งใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อพยุงเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้ตามปกติ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ว่า ปัญหาด้านการเงินของบริษัทรถยนต์ขนาดใหญ่จะคลี่คลายลง หลังจากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสได้อนุมัติเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจำนวน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ให้แก่บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ป (จีเอ็ม) ฟอร์ด มอเตอร์ โค และ ไครสเลอร์ แอลแอลซี
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก (NYMEX) ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณว่า จะลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีกรอบในการประชุมโอเปกครั้งต่อไปวันที่ 17 ธันวาคม 2551 ที่ประเทศแอลจีเรีย เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบไม่ให้ร่วงลงมากไปกว่าปัจจุบัน โดยจะเป็นปัจจัยบวกที่หนุนให้หุ้นกลุ่มพลังงานในวันนี้ มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งปัจจัยการเมืองในประเทศในขณะนี้เริ่มมีความชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามท่าทีของกลุ่มต่างๆ หลังได้รัฐบาลใหม่จะมีการเคลื่อนไหวเช่นไร โดยในระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสอ่อนตัวลงเล็กน้อย
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 11.13 น.ดัชนีอยู่ที่ระดับ 411.23 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด เปลี่ยนแปลง +0.16% มูลค่าการซื้อขาย 7,131.38 ล้านบาท
ล่าสุด ดัชนีปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 414.06 จุด เพิ่มขึ้น 3.48 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.85% มูลค่าการซื้อขาย 9,249.10 ล้านบาท