xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นรูดกว่า 4% ทำจุดต่ำสุดใหม่ นลท.ขาดความเชื่อมั่น-การเมืองปะทุสู่จุดแตกหัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลาดหุ้นไทย วันนี้ ดัชนีภาคเช้าปรับลงแรงกว่า 20 จุด สะท้อนความวิตกกังวลในวิกฤตการเงินสหรัฐฯ เริมลุกลามบานปลายไปทุกภูมิภาค ขณะที่ปัจจัยการเมืองเพิ่มแรงกดดัน หลังรัฐบาลกำลังตี 2 หน้า ล้มโต๊ะการเจรจาโดยการจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ บ่งชี้ความไม่จริงใจในการประกาศสมานฉันท์ และกำลังถูกสังคมจับตาถึงความอ่อนด้อยในการแก้ปัญหาในสถานะการณ์ที่เปราะบาง

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ ( 6 ต.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 569.88 จุด ลดลง 20.17 จุด เปลี่ยนแปลง -3.42% มูลค่าการซื้อขาย 5,758 ล้านบาท นักวิเคราะห์เผยตลาดหุ้นเช้านี้ปรับลงเยอะ ปัจจัยที่จากทั้งภายนอก และภายในยังไม่ดี โดยปัจจัยภายนอกเป็นเรื่องของนักลงทุนที่วิตกกับภาวะการเงินและวิกฤตเศรษฐกิจของทางสหรัฐและในประเทศอื่นด้วยที่เริ่มมีผลกระทบเข้ามามากขึ้นในเรื่องของสถาบันการเงิน

"แม้จะเป็นปัจจัยเดิมแต่ความกังวลคงยังไม่หมด ถึงแม้ว่าแผน 7 แสนล้านดอลลาร์ จะผ่านไปแล้ว ซึ่งปัจจัยภายนอกต้องรอดูมาตรการอื่นๆ อย่างเรื่องการลดดอกเบี้ย เข้ามาประกอบด้วย"

ส่วนเรื่องในประเทศเหตุการณ์ทางการเมือง หลังจากที่แกนนำพันธมิตรฯ ถูกตำรวจเข้าจับกุมถึง 2 คน ถูกมองว่ารัฐบาลกำลังตีสองหน้า โดยด้านหนึ่งถือเป็นการล้มโต๊ะเจรจา ซึ่งต้องอาจนับหนึ่งใหม่ และอีกส่วนเป็นเรื่องที่รัฐบาลพยายามสร้างภาพความอ่อนน้อมสมานฉันท์ ทำให้เป็นประเด็นที่สังคมกำลังจับตาเรื่องจุดยืนความน่าเชื่อถือและความจริงใจในการแก้ปัญหา ขณะที่พันธมิตรเองก็คงต้องยุติความไว้วางใจรัฐบาลโดยสิ้นเชิง

แนวโน้มช่วงบ่าย โอกาสลบก็มีแต่ในการลงช่วงเช้าถือว่าเยอะแล้วในระดับ 3.5% ช่วงบ่ายจะลบมากหรือลบน้อยก็ไม่มีนัย ตราบใดที่ความรู้สึกโดยรวมไม่ได้ดูดีขึ้นก็แค่แกว่งตัวในระยะสั้นๆ ที่สะท้อนความกังวลยังมีอยู่ ดัชนีลงมาแตะแนวรับ 570 จุด

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี กล่าวว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมา ปรับตัวลงแรงในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับลดลงเฉลี่ย 3-4% จากความวิตกว่ามาตรการฟื้นฟูภาคการเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ อาจไม่สามารถคลี่คลายภาวะชะงักงันในตลาดสินเชื่อ และสกัดกั้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ

ประกอบกับปัญหาสถาบันการเงินได้ลุกลามไปยังทวีปยุโรป หลังสถาบันการเงินหลายแห่งในยุโรปประกาศภาวะขาดสภาพคล่องรุนแรงจนต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยบรรดาผู้นำชาติขนาดใหญ่ในยุโรปประกาศจะดำเนินการในทุกทางเพื่อป้องกันความปั่นปวนผันผวนในตลาดการเงินที่กำลังขยายตัวจากวอลสตรีท ลุกลามมาถึงธนาคารต่างๆ ในยุโรปขณะนี้ ซึ่งถือเป็นการเรียกร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศเฉพาะหน้า เพื่อจัดการรับวิกฤตการณ์ทางการเงินที่มีความรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกครั้งสำคัญในทศวรรษ 1930 และจะมีมาตรการเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปร่างกฎหมายว่าด้วยการรับประกันเงินฝากในธนาคารของสหภาพยุโรป รวมถึงออกแผนช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหา ด้วยสภาพคล่องในระบบการเงินโลกที่ตึงตัวอย่างหนักทำให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างชาติเทขายหุ้นเพื่อถือครองเงินสดฉุดรั้งให้ดัชนีฯปรับตัวลงต่อเนื่อง

โดยดัชนี นิกเกอิ: ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 10,473.09 จุด ลดลง 465.05 จุด หรือ -4.25 % ส่วนดัชนี สเตรทไทม์: ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เวลา 13:08 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 2,224.88 จุด ลดลง 72.24 จุด

สำหรับแนวโน้มในช่วงบ่ายภาวะการลงทุนยังเผชิญปัจจัยลบเข้ามากดดันจากทั้งภายนอกประเทศ และปัญหาการเมืองในประเทศซึ่งความตื่นตระหนกต่อวิกฤตเศรษฐกิจในอเมริกาที่ลุกลามเข้าไปในยุโรป เอเชียและภาคการผลิตที่แท้จริงหรือ Real Sector ที่สะท้อนผ่านทางตัวเลขการจ้างงานที่ลดลง จะกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นเพื่อสำรองเงินสดและกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศให้ลดน้อยถอยลงจนไม่กล้าเข้ามาลงทุน มูลค่าการซื้อขายจึงเบาบาง

อีกทั้งการจับกุมตัวแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และพลตรีจำลอง ศรีเมือง อาจเป็นชนวนที่นำไปสู่ความรุนแรง ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ เตรียมเรียกรวมพลอีกครั้ง และจะทำให้โอกาสในการเจรจารอมชอมเหลือน้อยลง กลยุทธ์การลงทุน แนะนำชะลอการลงทุนแนวรับ 550 จุด แนวต้าน 590 จุด

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัยเศรษฐกิจ และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่ตลาดหุ้นไทยอาจจะได้รับผลกระทบในด้านปัจจัยการเมืองอีกด้าน ซึ่งมากกว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ

"ตลาดหุ้นในยุโรป ฝรั่งเศส และอังกฤษ เปิดมาก็ลงมาเยอะ ของเราลงมามากเหมือนกัน แต่ของเราอาจจะมากกว่าคนอื่น ตรงที่มีปัจจัยการเมืองในประเทศ" นายอดิศักดิ์ กล่าว

ตลาดหุ้นวันนี้ มีแรงเทขายออกมาหนักมากในหุ้น 2 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มพลังงานซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลง ส่วนอีกกลุ่มได้แก่กลุ่มแบงก์ที่มองว่าน่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

**หุ้นบ่ายทำ New low ดัชนีปรับตัวลงกว่า 4%

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยเปิดภาคบ่ายยังคงปรับตัวลดลงกว่า 4% ทำจุดต่ำสุดใหม่ ด้วยแรงเทขายในหุ้นใหญ่กลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร ขณะที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวลดลง โดยเมื่อเวลา 14.38 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 562.07 จุด ลดลง 27.98 จุด เปลี่ยนแปลง -4.63% มูลค่าการซื้อขาย 7,073.98 ล้านบาท ถือเป็นการทำ New low รอบใหม่ ต่ำสุดรอบ 5 ปี

ล่าสุด 15.16 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 559.98 จุด ลดลง 30.07 จุด หรือลดลงกว่า - 5% มูลค่าการซื้อขาย 8,738.41 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น