xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าปิดบวก 3.81% รีบาวน์ตามภูมิภาค-ระวังแรงขายทำกำไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าปิดบวก 3.81% รีบาวน์ตามภูมิภาค หลังการประชุมกลุ่ม G-7 อาจมีมาตรการใหม่ๆ ฟื้นฟูความเชื่อมั่นระบบสถาบันการเงิน แนะจับตาต่างชาติ ยังมีแรงขายกดลงมาตลอด คาดรีบาวน์ยังไปไม่ได้ไกล ชี้ต้องผ่าน 472 จุดขึ้นไป และวอลุ่มต้องแน่นเกิน 20,000 ล้านบาท ชี้ อัตราดอกเบี้ย LIBOR ในการกู้ยืมกันระหว่างแบงก์ ของระบบ Eurodollar ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง สะท้อนความไม่เชื่อมั่นในระบบการเงินและความมั่นคงของธุรกิจธนาคารพาณิชย์

ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ ( 13 ต.ค.) ดัชนีภาคเช้าปิดตลาดที่ระดับ 469.16 จุด เพิ่มขึ้น 17.20 จุด เปลี่ยนแปลง +3.81% มูลค่าการซื้อขาย 8,229.58 ล้านบาท

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้ารีบาวน์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากมีความคาดหวังเชิงบวกว่าการประชุม G-7 ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเช่าว่าจะมีมาตรการอะไรใหม่ๆ ในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของระบบสถาบันการเงินเพิ่มเติมขึ้นมา โดยสังเกตเห็นว่า ตลาดหุ้นในภูมิภาคก็รีบาวน์ขึ้นมาทั้งหมด

สำหรับทิศทางช่วงบ่าย เนื่องจากรีบาวน์ขึ้นมาใกล้ติดแนวต้านที่ 468 จุดแล้ว ก็จะเริ่มมีแรงขายทำกำไรมากขึ้น ช่วงนี้ตลาดยังมีความผันผวนอยู่ ตลาดลงมาเร็วเกินไปสัปดาห์ก่อนหน้าลงมาร่วม 100 จุด โดยธรรมชาติต้องมีการรีบาวน์ทางเทคนิคบ้างอยู่

อย่างไรก็ดี ต่างชาติยังมีแรงขายกดลงมาตลอดทาง เพราะฉะนั้นการรีบาวน์คงไม่ได้ไกลนัก ถ้าจะให้รีบาวน์สวยๆ ต้องผ่าน 472 จุดขึ้นไป ซึ่งวอลุ่มตลาดขณะนี้ยาก วอลุ่มทั้งวันต้องเกิน 20,000 ล้านบาทขึ้นไปถึงจะดูแล้วแน่นพอ

นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับขึ้นแรงในช่วงเช้าที่ผ่านมาเป็นการรีบาวน์ทางเทคนิคหลังจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีฯ ปรับลงแรงกว่า 150 จุด กราฟเทคนิคจึงส่งสัญญาณการฟื้นตัว ประกอบกับได้รับปัจจัยเกื้อหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-4% จากความพยายามในการแก้ไขปัญหาภาคการเงินจากมหาอำนาจทางเศรษฐกิจหลายประเทศ ที่เร่งดำเนินนโยบายกระตุ้นสภาพคล่องในระบบการเงิน

รวมถึงความหวังในมาตรการช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์ โดยธนาคารกลางประเทศต่างๆ เพื่อลดความตระหนกของนักลงทุน ตลอดจนความช่วยเหลือฉุกเฉินจาก IMF ที่เตรียมพร้อมช่วยเหลือประเทศที่ประสบกับวิกฤตการเงินและ กลุ่มประเทศพัฒนา หรือจี-7 ยืนยันจะดำเนินการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อคลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ และเพื่อรับประกันว่าธนาคารต่างๆ จะสามารถเพิ่มทุนได้ จึงทำให้มีแรงซื้อกลับในหุ้นมาร์เกตแคปขนาดใหญ่มาผลักดันดัชนีฯ

สำหรับในช่วงบ่ายคาดว่า ดัชนีฯ น่าจะยังยืนในแดนบวกได้ต่อเนื่องเพราะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ที่ปรับขึ้นรับข่าวความร่วมมือของรัฐบาล โดยมีหลายประเทศให้การช่วยเหลือเศรษฐกิจโลกให้หลุดพ้นวิกฤตการเงิน

อย่างไรก็ตามมองว่ามาตรการต่างๆ ที่ออกมายังไม่น่าจะฟื้นความเชื่อมั่นของการลงทุนได้ โดยขณะนี้ตลาดที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ ตลาดการเงินเพราะพิจารณาจาก สถานการณ์สภาพคล่องในตลาดการเงินโลกที่ตึงตัว โดยมีตัวชี้วัดจากอัตราดอกเบี้ย LIBOR ซึ่งเป็นอัตราอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ให้กู้ยืมกันระหว่างธนาคารพาณิชย์ ของ Eurodollar ได้ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ธนาคารพาณิชย์ถือเป็นสถาบันการเงินที่มีความมั่นคงมากที่สุด และน่าเชื่อถือจึงไม่ควรจะปล่อยกู้กันในอัตราที่สูง

"อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนี้ได้สะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นในระบบการเงินและความมั่นคงของธุรกิจธนาคารพาณิชย์อีกต่อไป และบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นในการลงทุนได้ถูกทำลายลงไปมาก การฟื้นตัวขึ้นวันนี้อาจเป็นการขึ้นเพื่อลงเพราะอาจมีนักลงทุนหาจังหวะขายทำกำไรออกมา"
กำลังโหลดความคิดเห็น