เอเอฟพี – ประธานาธิบดีลี เมียง บัก แห่งเกาหลีใต้ วานนี้(6)เสนอจัดการประชุมสุดยอดระหว่าง 3 ชาติใหญ่ของเอเชียตะวันออก คือ เกาหลีใต้ จีนและญี่ปุ่น เพื่อหารือเกี่ยวกับหนทางที่จะช่วยประเทศแถบเอเชีย รับมือความปั่นป่วนในตลาดการเงินโลกขณะนี้
ลีจะนำความคิดนี้ไปเสนออย่างเป็นทางการในระหว่างที่เขาเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ที่กรุงปักกิ่งในระหว่างวันที่ 24-25 ตุลาคมที่จะถึงนี้
ชาเมียงจิน โฆษกของพรรครัฐบาล แกรนด์ เนชั่นแนล ปาร์ตี อ้างคำพูดของลีที่กล่าวกับประธานพรรค ปักฮีแต ว่า “ขณะนี้เอเชียตะวันออกมีเงินตราต่างประเทศสำรองสูงที่สุดในโลก” และน่าจะเป็น “ความคิดที่ดีที่ผู้นำเกาหลีใต้, จีนและญี่ปุ่นจะได้เข้าร่วมหารือเกี่ยวกับวิกฤตการเงินโลก “ประเทศทั้งสามน่าจะร่วมมือกันเพื่อหาทางเอาชนะวิกฤตการเงินที่กำลังดำเนินไปในขณะนี้”
เมื่อวันศุกร์(3)ที่ผ่านมา ลีก็ได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีคลังของทั้งสามประเทศเข้าหารือกันเพื่อกระตุ้นให้เกิดการร่วมมือที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เขาเตือนว่าวิกฤตการเงินที่มีรากเหง้ามาจากสหรัฐฯนั้นมีสัญญาณแล้วว่าจะลุกลามไปทั่วโลก และอาจทำให้เศรษฐกิจนอกภาคการเงินของโลกต้องทรุดตามไปด้วย
เจ้าหน้าที่ของทางการโซลแย้มว่าทั้งสามประเทศจะหารือกระตุ้นให้เกิดกองทุนฉุกเฉินมูลค่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้เร็วขึ้นเพื่อปกป้องภูมิภาคเอเชีย ซึ่งทางกระทรวงคลังก็บอกว่าจะมีการประชุมในระดับรัฐมนตรีช่วยของสามประเทศในวันจันทร์หน้า(13) ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านี้เข้าร่วมการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์หน้า
**เงินวอนร่วงต่ำสุด**
ในขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ ค่าเงินวอนของเกาหลีใต้ก็ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องมาจากการประกาศของรัฐบาลว่าพร้อมที่จะเอาเงินตราต่างประเทศสำรองเข้ามาอุ้มธนาคารพาณิชยหากเกิดปัญหาขาดแคลนสภาพคล่องรุนแรง
ในคำแถลงการณ์ของทางการโซลระบุว่า “รัฐบาลจะเพิ่มความช่วยเหลือ (เพื่อให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯมีปริมาณมากขึ้น) โดยการนำเอาเม็ดเงินออกมาจากเงินตราต่างประเทศสำรอง หากว่ามีความจำเป็น”
นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลัง กังมันซู ก็กระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ออกมาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเช่นเดียวกัน มิใช่ปล่อยให้รัฐบาลออกมาทำแต่ฝ่ายเดียว และเขาก็บอกด้วยว่าคงจะใช้เวลาอีกนานกว่าที่สภาพขาดแคลนสินเชื่อในตลาดโลกจะผ่อนคลายลง
เกาหลีใต้นั้นมีเงินตราต่างประเทศสำรองใหญ่เป็นอันดับหกของโลกที่ 239,700 ล้านดอลลาร์ แต่ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้ร่อยหรอลงไปไม่น้อยเพราะรัฐบาลใช้ไปในการกู้ค่าเงินวอนให้กลับขึ้นมา
ผู้ที่ใกล้ชิดกับสถานการณ์กล่าวว่าทางการน่าจะเข้าแทรกแซงค่าเงินวอนต่อไป อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ค่าเงินวอนก็ปิดที่ 1,269 วอนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2002 เป็นต้นมา โดยในวันนั้นหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯแลกได้ 1,269.8 วอน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ค่าเงินวอนต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯร่วงลงมาถึง 5.2% เพราะว่าผู้ค้าเงินสูญเสียความเชื่อมั่นในความสามารถของรัฐบาล โดยเห็นกันว่าคงไม่สามารถจะสร้างเสถียรภาพในตลาดแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศได้ นักค้าเงินกล่าวว่าตลาดหุ้นที่ร่วงลงก็กระตุ้นให้เกิดความต้องการในเงินดอลลาร์สหรัฐฯมากขึ้นเพราะนักลงทุนต่างประเทศซื้อดอลลาร์สหรัฐฯหลังเทขายหุ้นออกไปเพื่อชดเชยการขายทุน และทำให้ดัชนีคอสปีของตลาดหลักทรัพย์โซลร่วงลงไป 4.3% สู่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งปีที่ 1,358.75 จุด
ลีจะนำความคิดนี้ไปเสนออย่างเป็นทางการในระหว่างที่เขาเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ที่กรุงปักกิ่งในระหว่างวันที่ 24-25 ตุลาคมที่จะถึงนี้
ชาเมียงจิน โฆษกของพรรครัฐบาล แกรนด์ เนชั่นแนล ปาร์ตี อ้างคำพูดของลีที่กล่าวกับประธานพรรค ปักฮีแต ว่า “ขณะนี้เอเชียตะวันออกมีเงินตราต่างประเทศสำรองสูงที่สุดในโลก” และน่าจะเป็น “ความคิดที่ดีที่ผู้นำเกาหลีใต้, จีนและญี่ปุ่นจะได้เข้าร่วมหารือเกี่ยวกับวิกฤตการเงินโลก “ประเทศทั้งสามน่าจะร่วมมือกันเพื่อหาทางเอาชนะวิกฤตการเงินที่กำลังดำเนินไปในขณะนี้”
เมื่อวันศุกร์(3)ที่ผ่านมา ลีก็ได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีคลังของทั้งสามประเทศเข้าหารือกันเพื่อกระตุ้นให้เกิดการร่วมมือที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เขาเตือนว่าวิกฤตการเงินที่มีรากเหง้ามาจากสหรัฐฯนั้นมีสัญญาณแล้วว่าจะลุกลามไปทั่วโลก และอาจทำให้เศรษฐกิจนอกภาคการเงินของโลกต้องทรุดตามไปด้วย
เจ้าหน้าที่ของทางการโซลแย้มว่าทั้งสามประเทศจะหารือกระตุ้นให้เกิดกองทุนฉุกเฉินมูลค่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้เร็วขึ้นเพื่อปกป้องภูมิภาคเอเชีย ซึ่งทางกระทรวงคลังก็บอกว่าจะมีการประชุมในระดับรัฐมนตรีช่วยของสามประเทศในวันจันทร์หน้า(13) ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านี้เข้าร่วมการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)ที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์หน้า
**เงินวอนร่วงต่ำสุด**
ในขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ ค่าเงินวอนของเกาหลีใต้ก็ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องมาจากการประกาศของรัฐบาลว่าพร้อมที่จะเอาเงินตราต่างประเทศสำรองเข้ามาอุ้มธนาคารพาณิชยหากเกิดปัญหาขาดแคลนสภาพคล่องรุนแรง
ในคำแถลงการณ์ของทางการโซลระบุว่า “รัฐบาลจะเพิ่มความช่วยเหลือ (เพื่อให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯมีปริมาณมากขึ้น) โดยการนำเอาเม็ดเงินออกมาจากเงินตราต่างประเทศสำรอง หากว่ามีความจำเป็น”
นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลัง กังมันซู ก็กระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ออกมาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเช่นเดียวกัน มิใช่ปล่อยให้รัฐบาลออกมาทำแต่ฝ่ายเดียว และเขาก็บอกด้วยว่าคงจะใช้เวลาอีกนานกว่าที่สภาพขาดแคลนสินเชื่อในตลาดโลกจะผ่อนคลายลง
เกาหลีใต้นั้นมีเงินตราต่างประเทศสำรองใหญ่เป็นอันดับหกของโลกที่ 239,700 ล้านดอลลาร์ แต่ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้ร่อยหรอลงไปไม่น้อยเพราะรัฐบาลใช้ไปในการกู้ค่าเงินวอนให้กลับขึ้นมา
ผู้ที่ใกล้ชิดกับสถานการณ์กล่าวว่าทางการน่าจะเข้าแทรกแซงค่าเงินวอนต่อไป อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ค่าเงินวอนก็ปิดที่ 1,269 วอนต่อหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2002 เป็นต้นมา โดยในวันนั้นหนึ่งดอลลาร์สหรัฐฯแลกได้ 1,269.8 วอน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ค่าเงินวอนต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯร่วงลงมาถึง 5.2% เพราะว่าผู้ค้าเงินสูญเสียความเชื่อมั่นในความสามารถของรัฐบาล โดยเห็นกันว่าคงไม่สามารถจะสร้างเสถียรภาพในตลาดแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศได้ นักค้าเงินกล่าวว่าตลาดหุ้นที่ร่วงลงก็กระตุ้นให้เกิดความต้องการในเงินดอลลาร์สหรัฐฯมากขึ้นเพราะนักลงทุนต่างประเทศซื้อดอลลาร์สหรัฐฯหลังเทขายหุ้นออกไปเพื่อชดเชยการขายทุน และทำให้ดัชนีคอสปีของตลาดหลักทรัพย์โซลร่วงลงไป 4.3% สู่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งปีที่ 1,358.75 จุด