คปภ.นัด 2 สมาคมประกันภัย วางเกณฑ์ดำรงเงินกองทุน หวังป้องกันปัญหาขาดสภาพคล่อง หลังพบบริษัทประกันหลายแห่งหัวใสนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนในตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ เล็งลดอัตราดำรงเงินกองทุนไม่ต่ำกว่า 100% ขณะเดียวกันขีดเส้นตายให้สัมพันธ์-ธนสิน แก้ปัญหาตัวเองให้เสร็จภายในสิ้นเดือนธ.ค. ขู่จะโดนถอนใบอนุญาต ขณะที่เจ้าตัวชี้แจงกำลังเจรจาร่วมทุนต่างชาติ
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ คปภ.จะเรียกสมาคมประกันชีวิต และสมาคมประกันภัย หารือประเด็นปรับหลักเกณฑ์ดำรงเงินกองทุน เพื่อป้องกันและดูแลไม่ให้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางธุรกิจประกัน เพราะมีหลายบริษัทมีสัดส่วนการนำเงินกองทุนไปลงทุนในตลาดหุ้นค่อนข้างสูง โดยคปภ.ได้มีการกำหนดอัตราส่วนการลงทุนในกองทุนไว้แล้ว แต่ต้องการให้ภาคเอกชนเห็นชอบด้วย และหลังการประชุมก็ให้สมาคมทั้งสองไปหารือและจัดทำข้อสรุปมาหารือกับคปภ.อีกครั้ง หลังจากการนั้นก็จะถือเป็นข้อบังคับ
“จากการตรวจสอบสถานะกองทุนของธุรกิจประกันภัยส่วนใหญ่ยังไม่มีปัญหา และส่วนใหญ่จะลงทุนด้านพันธบัตรสัดส่วนถึง 70-80% แต่ก็มีบ้างที่ลงทุนในตลาดหุ้นและอสังหาริมทรพัย์ จึงต้องมีการทบทวนให้เหมาะสม และหาวิธีการดูแล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต”
ทั้งนี้ นอกจากพิจารณาสัดส่วนประเภทที่จะเข้าไปลงทุนแล้ว จะทบทวนอัตราดำรงเงินกองทุน จากเดิมกำหนด 150% ของเบี้ยประกันรับโดยตรง อาจให้ลดลงแต่ยังไม่ให้ต่ำกว่า 100% ซึ่งโดยภาพรวมของธุรกิจประกันในไทย ยังมีความมั่นคงและขยายตัวได้สูงเกิน 10% ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา และสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งโลกโต 3.3%
ก่อนหน้านี้คปภ.ได้ทำเอ็มโอยูกับรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นรัฐที่มีบริษัทประกันจำนวนมากและมีสาขาในประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน อย่างกรณีเอไอจีก็มีการเช็คข้อมูลกันตลอดจึงพบว่าไม่มีปัญหาอะไร และในไทยยังมีฐานะการเงินที่ดี
นางจันทรากล่าวว่า บอร์ดคปภ.ได้เห็นชอบให้บริษัทสัมพันธ์ประกันภัย จำกัด และบริษัท ธนสิน ประกันภัย จำกัด ดำเนินการนำเงินเข้ากองทุนและแก้ปัญหาสภาพคล่องให้เสร็จภายในเดือนธ.ค.นี้ และเป็นครั้งสุดท้ายที่จะต่อเวลาให้บริษัททั้งสองในการแก้ไขปัญหา หากเลยเวลากำหนดจะดำเนินการตามกฎหมาย และถอนใบอนุญาตประกอบการ โดยสถานะของ 2 บริษัท ได้ชี้แจงว่าอยู่ระหว่างการเจรจาผู้ร่วมทุนรายใหม่จากต่างประเทศ ส่วนบริษัทฟินันซ่า ในสัปดาห์นี้ทางบริษัทฯจะนำผู้ลงทุนรายใหม่เข้าพบ
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ คปภ.จะเรียกสมาคมประกันชีวิต และสมาคมประกันภัย หารือประเด็นปรับหลักเกณฑ์ดำรงเงินกองทุน เพื่อป้องกันและดูแลไม่ให้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางธุรกิจประกัน เพราะมีหลายบริษัทมีสัดส่วนการนำเงินกองทุนไปลงทุนในตลาดหุ้นค่อนข้างสูง โดยคปภ.ได้มีการกำหนดอัตราส่วนการลงทุนในกองทุนไว้แล้ว แต่ต้องการให้ภาคเอกชนเห็นชอบด้วย และหลังการประชุมก็ให้สมาคมทั้งสองไปหารือและจัดทำข้อสรุปมาหารือกับคปภ.อีกครั้ง หลังจากการนั้นก็จะถือเป็นข้อบังคับ
“จากการตรวจสอบสถานะกองทุนของธุรกิจประกันภัยส่วนใหญ่ยังไม่มีปัญหา และส่วนใหญ่จะลงทุนด้านพันธบัตรสัดส่วนถึง 70-80% แต่ก็มีบ้างที่ลงทุนในตลาดหุ้นและอสังหาริมทรพัย์ จึงต้องมีการทบทวนให้เหมาะสม และหาวิธีการดูแล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต”
ทั้งนี้ นอกจากพิจารณาสัดส่วนประเภทที่จะเข้าไปลงทุนแล้ว จะทบทวนอัตราดำรงเงินกองทุน จากเดิมกำหนด 150% ของเบี้ยประกันรับโดยตรง อาจให้ลดลงแต่ยังไม่ให้ต่ำกว่า 100% ซึ่งโดยภาพรวมของธุรกิจประกันในไทย ยังมีความมั่นคงและขยายตัวได้สูงเกิน 10% ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา และสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งโลกโต 3.3%
ก่อนหน้านี้คปภ.ได้ทำเอ็มโอยูกับรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นรัฐที่มีบริษัทประกันจำนวนมากและมีสาขาในประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน อย่างกรณีเอไอจีก็มีการเช็คข้อมูลกันตลอดจึงพบว่าไม่มีปัญหาอะไร และในไทยยังมีฐานะการเงินที่ดี
นางจันทรากล่าวว่า บอร์ดคปภ.ได้เห็นชอบให้บริษัทสัมพันธ์ประกันภัย จำกัด และบริษัท ธนสิน ประกันภัย จำกัด ดำเนินการนำเงินเข้ากองทุนและแก้ปัญหาสภาพคล่องให้เสร็จภายในเดือนธ.ค.นี้ และเป็นครั้งสุดท้ายที่จะต่อเวลาให้บริษัททั้งสองในการแก้ไขปัญหา หากเลยเวลากำหนดจะดำเนินการตามกฎหมาย และถอนใบอนุญาตประกอบการ โดยสถานะของ 2 บริษัท ได้ชี้แจงว่าอยู่ระหว่างการเจรจาผู้ร่วมทุนรายใหม่จากต่างประเทศ ส่วนบริษัทฟินันซ่า ในสัปดาห์นี้ทางบริษัทฯจะนำผู้ลงทุนรายใหม่เข้าพบ
