“เมืองไทยประกันชีวิต” ยันไม่ได้รับผลกระทบจาก ฟอร์ติสแบงก์ล้ม ส่วนฟอร์ติส อินชัวรันส์ ยังไม่มีนโยบายถอนการลงทุน บมจ.เมืองไทยประกันภัย ย้ำผู้ถือหุ้นใหญ่ 75% ยังเป็น “แบงก์กสิกรฯ-ล่ำซำ” และมีฐานะเป็นบริษัทคนไทย ลั่นพร้อมควักเงินซื้อหุ้นคืน 25% หาก ฟอร์ติสฯ ต้องการถอนการลงทุน ด้านเลขาฯ คปภ.ยืนยันทั้ง 2 แห่ง ไม่ได้รับผลกระทบ วอนประชาชน อย่าแห่ถอนกรมธรรม์
วันนี้ (30 ก.ย.) นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวถึงกรณี ฟอร์ติสแบงก์ ธนาคารใหญ่ของยุโรป ประสบปัญหาทางการเงินจนรัฐบาลของ 3 ประเทศ ประกอบด้วย เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และ ลักเซมเบิร์ก ต้องเข้าไปถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 49% นั้น ไม่เกี่ยวกับ ฟอร์ติส อินชัวรันส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นวี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ในสัดส่วน 24.99% ของทุนจดทะเบียน ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทยังคงเป็นตระกูลล่ำซำ กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) รวมกันกว่า 75%
ทั้งนี้ ฟอร์ติส อินชัวรันส์ ได้ยืนยันมาแล้ว ว่า ไม่มีนโยบายขายหุ้นออก เพราะธุรกิจประกันชีวิตนั้นหลักๆ อยู่ในภูมิภาคเอเชียและเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักและเติบโตได้ดี
ทั้งนี้ กรณีที่เกิดขึ้นหากมีปัญหา ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นหลัก ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท พร้อมที่จะซื้อหุ้นคืนจากบริษัท โฟร์ติส โฮลดิ้ง หากต้องการขายหุ้นทิ้ง แต่ปัจจุบัน โฟร์ติสฯ ที่ถือหุ้นอยู่ประมาณ 25% ยังไม่ได้ส่งสัญญาณ หรือแจ้งเรื่องมายังบริษัทว่าจะขายหุ้นที่ถืออยู่แต่อย่างใด
“ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ โฟร์ติสฯ ในต่างประเทศ ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเมืองไทยประกันชีวิต เพราะเราไม่ได้เป็นบริษัทลูกใคร การบริหารงานที่ผ่านมาก็เป็นอิสระของตัวเอง เพียงแต่โฟร์ติสฯ เข้ามาถือหุ้นเรา เท่านั้น เราสามารถยืนได้ด้วยตัวของเราเอง แต่ตามเงื่อนไขแล้วหาก โฟร์ติสฯต้องการขายหุ้นทิ้ง ก็ต้องสอบถามกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมอย่างกลุ่มล่ำซำและแบงก์กสิกรไทยก่อน และเราก็พร้อมซื้อคืนอยู่แล้ว ซึ่งก็รวมถึงหุ้นอีก 10% ที่โฟร์ติสฯถืออยู่ในเมืองไทยประกันภัยด้วย”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่โฟร์ติสฯเข้ามาถือหุ้นหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับประโยชน์จากโฟร์ติสฯอย่างมาก ทั้งในเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการพัฒนาแบบประกันใหม่ๆ เช่น การพัฒนาแบบประกันเพื่อการลงทุนอย่างยูนิต ลิงค์
ทั้งนี้ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต เป็นบริษัทของคนไทยที่ก่อตั้งมาเป็นเวลานานกว่า 58 ปีแล้ว โดยสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 มีมูลค่า 52,639 ล้านบาท มีสินทรัพย์ลงทุน 48,890 ล้านบาท มีเงินสำรอง 44,330 ล้านบาท มีเงินกองทุน 5,487 ล้านบาท สูงกว่ากฎหมายกำหนด 6.19 เท่า ด้านสินทรัพย์ลงทุน นั้น 83.56% ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ในขณะที่หุ้นกู้เอกชนก็ลงทุนที่มีเครดิตเรทติ้งตั้งแต่ A- ขึ้นไป ส่วนตราสารทุน และหน่วยลงทุนก็มีแค่ 9.04% มีเงินให้กู้ยืม 7.4% ในขณะที่มีการลงทุนในต่างประเทศเพียงแค่ 0.1% เท่านั้น
สำหรับฐานะการเงินของบริษัท เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา มีเงินสำรองประกันภัย 4.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมา 12% มีสินทรัพย์รวม 5.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมา 11% และมีเงินกองทุน 5,486 ล้านบาท สูง 7.7 เท่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนด โดยมีเบี้ยรับรวมเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา 1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยรับปีแรก 4,408 ล้านบาท และเบี้ยต่ออายุ 6,787 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงาน 795 ล้านบาท
ขณะที่ ฟอร์ติสแบงก์ ที่ล้มละลาย เป็นผู้ให้บริการทางการเงินรายใหญ่อันดับ 1 ของเบลเยียม ถือเป็นสถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุดในยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ ซึ่งฟอร์ติสขอรับการช่วยเหลือทางการเงินฉุกเฉิน 11.2 พันล้านยูโร (16.3 พันล้านดอลลาร์) จากรัฐบาลเพราะประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง
**คปภ.ยันประกันฯ “เมืองไทย” ไม่ล้ม
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด และบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นั้น ไม่ได้รับผลกระทบจากที่ธนาคารฟอร์ติสล้ม เพราะผู้ที่ถือหุ้นอยู่นั้นอยู่ในส่วนของประกันภัย คือ ฟอร์ติส อินชัวรันส์ อินเตอร์เนชั่นแนล อีกทั้งสัดส่วนการถือหุ้นไม่ถึงร้อยละ 25 ตามกฎหมายประกันภัยและกฎหมายประกันวินาศภัย บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ฟอร์ติสมีสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 25 และบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไม่เกินร้อยละ 10
นางจันทรา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอร้องผู้มีประกันชีวิตอย่ายกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตจากเรื่องดังกล่าวเพราะจะไม่ได้รับเงินคืนจำนวนเท่าเดิมซึ่งหากมีข้อสงสัยสอบถามสายด่วน 1186
