xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นร่วงหนักอีก 20 จุด ผวาวิกฤตสถาบันการเงินลุกลาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หุ้นภาคบ่ายรูดหนักกว่า 20 จุด ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 นักลงทุนยังกังวลปัญหาสถาบันการเงิน กลุ่มแบงก์ยังมีแรงขายต่อเนื่อง บิ๊ก ตลท.มั่นใจ ตลาดหุ้นไทยพื้นฐานแกร่งเพียงพอรับมือวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ด้าน คลัง-แบงก์ชาติ เตรียมพร้อมเข็นมาตรการฉุกเฉินหากสัญญาณวิกฤตลุกลาม

ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ (17 ก.ย.) ดัชนีภาคบ่ายยังคงปรับลงต่อเนื่อง นักลงทุนยังคงวิตกกังวลปัญหาสถาบันการเงิน หุ้นกลุ่มแบงก์ยังถูกเทขายออกมาต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 15.27 น.ดัชนีอยู่ที่ระดับ 613.06 จุด ลดลง 11.50 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9,099.38 ล้านบาท

นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่าแนวโน้มดัชนีช่วงบ่ายปรับลงมาแรงกว่าช่วงเช้า เพราะนักลงทุนเกิดจากความกังวลในปัจจัยภายนอก ปัจจัยการเมืองไม่รุนแรงเท่ากับปัจจัยภายนอก ปัญหาสถาบันการเงินสหรัฐตอนนี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

"ผมมองว่าปัญหา ของเลห์แมน บราเธอร์ส ที่เข้าสู่กระบวกการพิทักษ์ทรัพย์นั้น นักลงทุนเกรงว่าสินทรัพย์ที่เลห์แมนฯ เข้ามาลงทุนในไทยทั้งในลักษณะของการถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียน(บจ.) การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อาจจะมีการเทขายออกมาได้ ซึ่งในความเป็นจริง ถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่มากนัก แต่จะส่งผลในเชิงจิตวิทยา"

นอกจากนี้ มีการมองว่า โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ และมอร์แกน สแตนเลย์ ซึ่งเป็น 2 บริษัทวาณิชธนกิจที่ใหญ่สุดของสหรัฐ อาจจะประสบปัญหาเหมือนเลห์แมนฯได้ โดยทางโกลด์แมน แซคส์ฯ ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/51 กำไรลดลงเป็นอย่างมาก

นายวีระชัย กล่าวเสริมว่า การที่แนวโน้มราคาน้ำมันยังมีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงได้ หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจโลกอยู่ในสภาพไม่ดี ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งในส่วนของตลาดหุ้นไทยแล้ว กลุ่มพลังงานถือเป็นกลุ่มที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ จึงส่งผลต่อตลาดหุ้นโดยรวม

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ต่างชาติยังคงดึงเงินออก จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ที่น่าจะเป็น Domino Effect เพราะเหตุการณ์ในปี 1990 มีล้มไป 190 แห่ง แต่นี่เพิ่ง 5 แห่ง ดังนั้นน่าจะมีเพิ่มกว่านี้อีก คงต้องจับตาสถาบันการเงินสหรัฐฯ อาทิ Goldman Sachs และ มอร์แกน สแตนเลย์

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยบ่ายนี้ดูสถานการณ์แล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้น จึงไม่เห็นภาพแนวโน้มว่าจะมีการรีบาวนด์ขึ้นมาได้ และการที่ดัชนีปรับลดลงในขณะนี้ค่อนข้างสะท้อนถึงปัญหาที่ยังไม่มีอะไรชัดเจนทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นที่ปรับตัวลง เพราะแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่านักลงทุนต่างชาติยังมีหุ้นที่ถืออยู่ในพอร์ตอีกมาก ที่ยังสามารถนำออกมาขายได้อีกจึงถือเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไม่ให้ปรับขึ้นได้

สำหรับในสถานการณ์วิกฤตสถาบันการเงินในต่างประเทศก็ยังต้องติดตามต่อว่าจะมีลักษณะการล้มแบบโดมิโน หรือลุกลามไปยังธุรกิจอื่นมากน้อยเพียงใด แต่มาตรการที่ทางการสหรัฐได้ประกาศออกมาช่วยเหลือก็เชื่อว่าจะมีผลดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังต้องติดตามต่อไปก่อนว่าจะได้ผลหรือไม่

**ตลท.เชื่อหุ้นไทยแข็งแกร่งรับมือได้

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงผลกระทบตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลง หลังบริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย ขณะที่ เอไอจีกรุ๊ป ประสบปัญหาสภาพคล่อง โดยยืนยันว่า ตลาดหุ้นไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และยังเชื่อว่า จะรับมือกับสถานการณ์ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาราคาหุ้นไทย ปรับตัวลดลงมากถึงร้อยละ 20 แล้ว

ขณะที่ราคาหุ้นส่วนใหญ่ก็ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานที่ยังมีการจ่ายเงินปันผลถึงร้อยละ 10 ส่วนการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เข้าไปช่วยเหลือเอไอจี กรุ๊ป โดยการเข้าไปถือหุ้นรายใหญ่นั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรเข้าไปดูแล เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจลุกลามเป็นลูกโซ่ ขยายวงกว้างมาถึงสถาบันการเงินอื่นทั่วโลก

ประธาน ตลท.ยังกล่าวถึงแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิตั้งแต่ต้นปี 2551 ที่ผ่านมา ว่า มีประมาณ 160,000 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่า เป็นแรงเทขายที่มีมากกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับปริมาณเงินลงทุนทั้งบริษัทจดทะเบียนและบริษัทต่างชาติที่ยังสูงถึง 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว ถือว่าต่างชาติยังมีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทย

**คลัง-แบงก์ชาติ พร้อมรับมือฉุกเฉิน

นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ บริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส ในสหรัฐอเมริกา ประสบปัญหาสภาพคล่องจนล้มละลายนั้น ถือเป็นปัญหาของสถาบันการเงินทั่วโลก และมีผลกระทบต่อสภาพคล่องของระบบธนาคาร ขณะที่ไทยได้รับผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหลักทรัพย์ให้ปรับตัวลดลง แต่ถือว่าผลกระทบมีน้อย เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นแบบต่อเนื่อง กระทรวงการคลัง จะประสานความร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการดูแลเงินทุนไหลออกอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงทิศทางของค่าเงินบาทเพื่อรักษาสภาพคล่อง และยืนยันว่ารัฐบาลยังดูแลในเรื่องของสภาพคล่องในขณะนี้ได้ และไม่ห่วงว่าจะเกิดปัญหาต่อการดูแลเงินฝาก เนื่องจากประเทศไทยมีการประกันเงินฝาก 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว

ด้าน นายพิชัย นริพทะพันธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลมีแนวคิดจัดตั้งกองทุนเพื่อรับซื้อสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่กำลังประสบปัญหา โดยมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท ในลักษณะกองทุนความมั่นคั่งแห่งชาติ เพื่อรองรับกับปัญหา และเป็นโอกาสที่จะเข้าไปซื้อสินทรัพย์ของสหรัฐ ที่ราคาอาจตกต่ำที่สุด เพราะเชื่อว่า ปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐฯขณะนี้ มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น

นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวถึงปัญหาการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ และกรณีที่ AIG เกิดปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก โดยยืนยันว่า ทั้ง 2 กรณี ไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทย จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อเสริมสภาพคล่อง แต่จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ไทยหลายแห่งเข้าไปลงทุนในตราสารที่มีความเกี่ยวข้องกับเลห์แมนบราเธอร์ มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาทนั้น ถือว่าผลกระทบน้อย เมื่อเทียบกับตัวเลขที่ธนาคารพาณิชย์ไทยปล่อยสินเชื่อทั้งระบบอยู่ที่จำนวน 7 ล้านล้านบาท

ส่วนกรณีการเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในระยะนี้ ทำให้มีเงินทุนต่างประเทศไหลออกไปจำนวนหนึ่งนั้น ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเช่นเดียวกันทั้งภูมิภาค เป็นผลกระทบจากความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งนี้ เชื่อว่า หากปัญหาคลี่คลายลง เงินทุนต่างประเทศจะไหลกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง

โดยเมื่อเวลา 16.23 น.ดัชนีอยู่ที่ระดับ 603.85 จุด ลดลง 20.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 13,440.21 ล้านบาท

ล่าสุด 16.40 น.ดัชนีปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 605.14 จุด ลดลง 19.42 จุด เปลี่ยนแปลง 3.11% มูลค่าการซื้อขาย 14,914.13 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น