ไอเอ็นจีระบุต่างชาติยังสนใจอสังหาฯไทย เตรียมตั้งกองพร็อพเพอร์ตี้โรงแรมมูลค่าหมื่นล้านบาท พร้อมการันตีผลตอบแทน 6.75% ต่อปี ขณะเดียวกันวางแผนจีบเซอร์วิสอาพาร์ทเมนท์ใจกลางเมืองจัดตั้งกองทุน สนองลูกค้าด้วยอีกหนึ่ง 1 กอง ด้าน"จุมพล"เผยราคาน้ำมันผันผวน แต่มั่นใจ"ออยล์ ลิงค์ ฟัน"ทำผลตอบแทนตามเป้าใน 6 เดือนแรก
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าจะตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในโรงแรม มูลค่า 10,000 ล้านบาท ให้ได้ภายในปีนี้ แม้วิกฤติการเงินในสหรัฐอเมริกาจะกดดันตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกและทำให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามยังมีกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund : SWF) จากประเทศตะวันออกกลาง เช่น ดูไบ เป็นต้น ที่มีความสนใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ดังนั้น การตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 10,000 ล้านบาท ในภาวะเช่นนี้ จึงไม่น่าจะมีปัญหาในการจัดตั้งแต่ประการใด
“กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จะลงทุนในโรงแรมกองนี้เป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Free Hold) ในอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งยังมีการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำในช่วง 6 ปีแรกเฉลี่ยอยู่ที่ 6.75% สูงกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยพอสมควร หากเปิดขายเมื่อไรเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างแน่นอน”
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีกหนึ่งกอง โดยจะลงทุนในเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ย่านใจกลางเมือง และเป็นการซื้อกรรมสิทธิ์ (Free Hold) เช่นเดียวกัน เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะนี้มากขึ้น ซึ่งบริษัทได้มีความพยายามที่จะจัดหามาตอบสนองความต้องการให้ได้
นายมาริษ กล่าวอีกว่า สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ (TU-PF) นั้นในส่วนของศูนย์การค้าน่าจะส่งมอบพื้นที่ให้ผู้เชื่อเพื่อปรับปรุงพื้นที่เตรียมขายสินค้าได้ปลายเดือนธ.ค.2551 นี้ ซึ่งผู้เช่าก็คงจะเข้ามาทำประโยชน์ต่อไป เช่นเดียวกับส่วนของเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ที่เรากำลังพิจารณาจะปรับเพิ่มค่าเช่าขึ้นเป็น 10,000-12,000 บาทต่อเดือน จากเดิมในช่วงทำโครงการทำไว้ประมาณ 8,000 บาทต่อเดือน เพราะพื้นที่เช่าบริเวณเดียวกันนั้นได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว โดยคาดว่าในเดือนหน้าน่าจะเริ่มเปิดให้เข้าพักได้ในส่วนของเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์สำหรับส่วนหอพักปัจจุบันมีนักศึกษาเข้าพักเรียบร้อยแล้ว โดยมีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้บริหารจัดการอยู่
“ในปีนี้เราตั้งใจที่จ่ายเงินปันผลออกมาให้กับผู้ถือหน่วยตามผลประกอบการที่เกิดขึ้น แต่ผลตอบแทนจะเต็มเม็ดเต็มหน่วยคงต้องเป็นปีหน้า ที่ทุกอย่างจะสามารถดำเนินการได้เต็มที่”นายมาริษกล่าว
คาดออยล์ลิงค์ฮิตใน6เดือน
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันแม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวลดลงค่อนข้างมากจากช่วงที่ผ่านมา แต่ราคามีลักษณะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง เห็นได้จากในช่วงไม่นานมานี้ราคาน้ำมันเกิดการปรับตัวขึ้นไปกว่า 25 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลภายในวันเดียว ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่กองทุนไอเอ็นจี ไทย ดับบลิวทีไอ ออยล์ ลิงค์ จะสามารถสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายและปิดกองทุนภายใน 6 เดือนแรกตามนโยบายการลงทุน
ทั้งนี้ก่อนการเปิดกองทุนได้มีการทำสถิติย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2544 - 26 พฤษภาคม 2549 พบว่าผู้ลงทุนประมาณ 68.15% จะได้รับผลตอบแทนภายใน 6 เดือน , ผู้ลงทุนประมาณ 14.44% ได้รับผลตอบแทนภายใน 12 เดือน , ผู้ลงทุนประมาณ 14.33% ได้ผลตอบแทนภายใน 18 เดือน , ผู้ลงทุนประมาณ 2.91% ได้ผลตอบแทนภายใน 24 เดือน และมีผู้ลงทุนเพียงประมาณ 0.16% เท่านั้น ที่ไม่ได้รับผลตอบแทนแต่ได้เงินต้นคืน ซึ่งจะเห็นได้ว่า ผู้ลงทุนประมาณ 99.83% มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน
"สำหรับเรื่องราคาน้ำมันนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะยังคงสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตอนนี้จะมีพลังงานทางเลือกเข้ามาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภค แต่ปริมาณการใช้น้ำมันในโลกยังอยู่ในระดับสูง และตราสารหนี้ที่กองทุนเข้าไปลงทุนนั้นเป็นตราสารหนี้ระยะสั้นซึ่งมีอายุไม่เกิน 2 ปีเท่านั้น " นายจุมพลกล่าว
ด้านรายงานข่าวจากบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ระบุว่า กองทุนไอเอ็นจี ไทยดับบลิวทีไอ ออยล์ ลิงค์ เป็นกองทุนที่ลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ที่มีผลตอบแทนอ้างอิงกับการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส โดยกองทุนจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติและยกเลิกกองทุนเมื่อราคาน้ำมันของเวสต์เท็กซัสมีการเพิ่มขึ้นถึงระดับที่กำหนดไว้นั้น ได้เข้าไปลงทุนตอนที่ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ (Initial Price) อยู่ที่ 115.20 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และมีราคาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหมายเป้าหมาย (Target Price) ที่ระดับ 122.11 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
โดยกำหนดวันพิจารณาราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ (Valuation Date) ครั้งแรกในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2552 , พิจารณาครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 สิงหาคม 2552 , พิจารณาครั้งที่ 3 ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2553 และพิจารณาครั้งที่ 4 ในวันที่ 9 สิงหาคม 2553
สำหรับกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทยดับบลิวทีไอ ออยล์ ลิงค์ เป็นกองทุนตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง โดยตราสารดังกล่าวมีผลตอบแทนอ้างอิงกับการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (NYMEX WTI Crude Oil) หรือ CL1 ที่เพิ่มขึ้น และกองทุนเป็นกองทุนตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง แบบคุ้มครองเงินต้น 100% ในสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะพิจารณาระดับราคาน้ำมันเพื่อทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติและยกเลิกกองทุนเมื่อราคาน้ำมันของเวสต์เท็กซัสมีการเพิ่มขึ้นถึงระดับที่กำหนดไว้ที่ 6% นับจากวันที่ลงทุน โดยกำหนดเงื่อนไข คือ ถ้าราคาน้ำมันของเวสต์เท็กซัสมีการปรับตัวขึ้นมาเท่ากับหรือมากกว่า 6% ของราคาน้ำมันในช่วงเริ่มต้นลงทุน ในเดือนที่ 6 ของการลงทุน ผู้ออกตราสารจะชำระคืนเงินต้น 100% บวกกับผลตอบแทนในอัตรา 5% ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย , ปรับตัวขึ้นมาเท่ากับหรือมากกว่า 6% ณ ประมาณเดือนที่ 12 ของการลงทุนผู้ออกตราสารจะชำระคืนเงินต้น 100% บวกกับผลตอบแทนในอัตรา 10% ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย
ขณะที่ปรับตัวขึ้นมาเท่ากับหรือมากกว่า 6% ณ ประมาณเดือนที่ 18 ผู้ออกตราสารจะชำระคืนเงินต้น 100% บวกกับผลตอบแทนในอัตรา 15% ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย , ปรับตัวขึ้นมาเท่ากับหรือมากกว่าระดับที่กำหนด ณ ประมาณเดือนที่ 24 ผู้ออกตราสารจะชำระคืนเงินต้น 100% บวกกับผลตอบแทนในอัตรา 20% ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย และถ้าภายใน 24 เดือน ราคาน้ำมันไม่มีการปรับตัวขึ้นตามระดับที่กำหนดไว้ ผู้ออกตราสารจะชำระคืนเงินต้นทั้งหมดในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย