xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนเปิดวรรณพันธบัตรไทย เน้นจับจังหวะลงทุนบอนด์สร้างยิลด์เพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คำกล่าวที่ว่า “สูงสุดคืนสู่สามัญ” คงไม่ห่างจากความเป็นจริงมากนัก สำหรับภาวะการลงทุนในปัจจุบัน หลังจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ได้แสวงหาการลงทุนมานำเสนอขายแก่นักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และดูเหมือนว่าแนวโน้มการลงทุนได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น ไล่มาตั้งแต่การลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ และกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้

แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เมื่อวิกฤติการณ์ของสถาบันการเงินทั่วโลกเริ่มเผยต้นตอของปัญหาเด่นชัดมากขึ้น อะไรที่เป็นสิ่งที่ใกล้ตัว หรือเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว อย่างการลงทุนในประเทศจึงกลับมามีชีวิตชีวา และกลายเป็นที่นิยมชมชอบขึ้นมาอีกครั้ง โดยการลงทุนในกองทุนเปิดตราสารหนี้ยังคงไว้ใจได้เสมอ

วันนี้คอลัมน์ “Mutualfund IPO” วันนี้ขอพาไปดูกองทุนใหม่ที่มีความมั่นคงสูง และค่อนข้างเหมาะกับนักลงทุนส่วนใหญ่ในช่วงนี้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากนักลงทุนหลายท่านคงยังเข็ดขยาดกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นในขณะนี้ หรือต้องการพักเงินลงทุนไว้ในที่ปลอดภัย และได้ผลตอบแทนที่เหมาะสม

สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปว่า ในช่วงที่ผ่านมา การลงทุนมีความผันผวนมาก นักลงทุนที่ต้องการให้เงินมีความปลอดภัย กองทุนเปิดวรรณพันธบัตรไทย (1AM-TG) จะสามารถตอบโจทย์ได้ และเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการลงทุนที่มั่นคงที่สุด เนื่องจากเป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่มีนโนบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเท่านั้น เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลไทย พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีความมั่นคงเป็นหลัก

ทั้งนี้ กองทุนจะไม่เข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยคาดหวังอัตราผลตอบแทนที่ให้แก่นักลงทุนจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และไม่ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นหรือปรับลง บริษัทจะหาโอกาสเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้กับนักลงทุน นอกจากนี้ กองทุนยังมีสภาพคล่องสูง โดยนักลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ และจะได้รับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนในวันที่ T+1 (เฉพาะรับเงินคืนผ่านธนาคารกสิกรไทยและธนาคารไทยพาณิชย์) และสามารถสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยจะได้ NAV ในวันเดียวกัน (กองทุนปลายทางต้องมีธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์)

อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้เหมาะสมเป็นอย่างมากกับนักลงทุนที่เชื่อว่าในวิกฤติมีโอกาส แต่ไม่ควรไปสุ่มสี่สุ่มห้าในการเข้าไปลงทุนโดยที่ไม่ได้ระมัดระวังเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้น นักลงุทนที่เตรียมจะลงทุน แต่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม เงินที่รอการที่เข้าไปฝากลงทุนกับพันธบัตรรัฐบาลไทย และเอาออกได้ทุกวัน จึงจะเป็นการเตรียมพร้อมการลงทุนได้ดีที่สุด

กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ กล่าวว่า โครงการสร้างของการจัดพอร์ตการลงทุน โดยการลงทุนประมาณ 80% ซึ่งถือว่าเป็นแกนของการลงทุน และจะเน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐบาล ที่มีอายุไม่เกิน 3 เดือน เนื่องจากหากลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุยาวเกินไปจะเกิดความผันผวนของราคาได้ แกนของการลงทุนจึงให้ความสำคัญการกับที่ไม่เสี่ยงทางด้านเครดิต และตราสารหนี้ควบคู่กันไป

ขณะที่สัดส่วนอีก 20% จะไปเลือกการลงทุนในพันธบัตรที่มีอายุยาวขึ้น เช่น พันธบัตรที่มีอายุยาว 5 – 10 ปี เนื่องจากธรรมชาติอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรหรืออัตราดอกเบี้ยมีลักษณะแบบ Normal Yield Curve ซึ่งพันธบัตรที่มีอายุสั้นจะให้อัตราผลตอบแทนน้อย พันธบัตรที่มีอายุยาวจะให้อัตราผลตอบแทนมาก และระดับการลงทุนดังกล่าวอยู่ในระดับที่เหมาะสม และมีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่สบายใจได้ โดยจะหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าไปลงทุนหรือออกจากการลงทุน โดยคาดหวังว่ากองทุนนี้นอกเหนือจากจะให้ความมั่นคงของผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังให้เพิ่มโอกาสในการให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นด้วย โดยไม่เสี่ยงในด้านเครดิต

ทั้งนี้ ตราสารหนี้ที่มีอายุ 5 ปีมีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยเมื่อปี 2548 มีอัตราผลตอบแทนประมาณ 6% ขณะที่ผลตอบแทนในเดือนสิงหาคม 2551 อยู่ที่ 5.6-5.7% และในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 4% หากบริษัทเข้าไปจับจังหวะการลงทุน และเข้าไปในช่วงที่อัตราผลตอบแทนสูง ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และสามารถขายในภายหลังในช่วงที่ผลตอบแทนลดลงแล้ว โดยมองว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มเติมอัตราผลตอบแทนได้ แต่ไม่มีการจ่ายเงินปันผล เนื่องจากมีความคล่องตัวในการลงทุนอยู่แล้ว

สมจินต์ กล่าวว่า ส่วนแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ย มองว่าธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา และยุโรป จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.5 – 1.00% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะชะลอตัวอย่างรุนแรงในปี 2552 นอกจากนี้ ยังประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% เช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยสูงเกินไป

อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทยยังต้องจับตา 2 ปัจจัยสำคัญอย่าง เงินทุนไหลออก และรอตัวเลขของอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ออกมาด้วย โดยหลายฝ่ายมองว่า GDP น่าจะอยู่ที่ระดับ 3.8 – 4.00% และมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนธันวาคม 2551 ที่ประมาณ 0.5% จะทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุ 5 – 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อกองทุน 1AM-TG ไปด้วย หากสามารถเข้าไปลงทุนได้ถูกจังหวะ

ทั้งนี้ กองทุนเปิดวรรณพันธบัตรไทย มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และไม่กำหนดอายุโครงการ ได้กำหนดเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 17 – 25 พฤศจิกายน 2551และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท และหลังจากนั้นจะสามารถเข้าซื้อหน่วยลงทุนได้ในช่วงทุกวันทำการ ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ บลจ.วรรณ โทร. 0-2659-8888 กด 1 หรือเว็บไซต์ www.one-asset.com
สมจินต์ ศรไพศาล
กำลังโหลดความคิดเห็น