xs
xsm
sm
md
lg

เลือกทางสว่าง 14 : ความรู้รักสามัคคี และหลักนิติธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เป็นพระมหากรุณาธิคุณอีกครั้ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้ผู้ว่า ธปท. และผู้บริหารเข้าเฝ้า และได้พระราชทานกำลังใจให้ทำหน้าที่อย่างมั่นคง อย่าให้ใครเข้ามาแทรกแซงทำให้เกิดวิกฤตอีก ผมขอให้กำลังใจด้วยครับ

ช่วงนี้ ผมขอถอดหมวกนักธุรกิจ แต่สวมหมวกฝ่ายวิชาการ ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย อดีตนักกิจกรรม นายกสโมสรนิสิต จุฬาฯ ปี 2527 ด้วยความรักและห่วงใยในบ้านเมืองจริงๆครับหลายคนอาจลืมไปแล้ว ยุครัฐบาลที่ทำประเทศเข้าวิกฤต ในปี 1997 บริหารบ้านเมืองจนวอดวาย **กลุ่มผู้มีอำนาจ แทรกแซงสถาบันการเงินต่างๆ จนเก็บสะสมสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปิดสถาบันการเงินอย่างไม่เป็นเรื่อง เป็นเหตุให้สินเชื่อในระบบเสียหายจนกองทุนฟื้นฟูฯขาดทุนหลายแสนล้านบาท จนเกิดวิกฤตการณ์ในระบบอย่างมากมาย **(อย่าไปโทษการขายเลย เพราะทรัพย์สินที่สะสมไว้ในช่วงรัฐบาลก่อนหน้าก่อนคุณภาพต่ำหายไปหลายแสนล้านบาทอยู่แล้ว ขายอย่างไรก็ไม่มีทางได้มูลค่าเต็มได้ และมันยากในภาวะที่คนไทยอ่อนแอ และนักการเมืองบางคนยิ่งทำให้อ่อนแอ) รัฐบาลที่แก้ปัญหาในยุคนั้น ต้องไม่ให้คนกลายเป็น strategic NPL คือทำเป็นไม่มีเงิน และทำให้ระบบธนาคารต้องแบกรับความเสียหาย กติกาสำคัญคือ** ต้องไม่ให้ลูกหนี้ที่สัตย์ซื่อเสียเปรียบลูกหนี้ที่จงใจเบี้ยวหนี้ จึงทำได้อย่างจำกัดจริงๆ** แต่ผลดีกว่า อินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์ที่ไม่ได้แก้ปัญหาด้วยวินัยอย่างเรา NPL ยิ่งเบ่งบานไป บางธนาคารสูงกว่า 90% ยังโชคดีที่ไม่ใช่แก้ปัญหาโดยสายนักการเมืองผู้ร่ำรวยบางคน ซึ่งซื้อสนามกอล์ฟในชื่อคนรับใช้ โดยให้เหตุผลว่า เป็น NPL จะเสียชื่อและเสียหายได้ เพราะจะเบี้ยวหนี้หรือ ? เพราะหากจ่ายครบ ก็ไม่เสียชื่ออยู่แล้วในยุคเข้าสู่วิกฤต การแทรกแซงในธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งทำการ ละเว้นกระทำการ ข้อมูลภายใน เกี่ยวกับค่าเงิน ก็ทำให้ประเทศเสียหายอีกมากมาย

ขณะที่ มีบางคนที่รู้ข้อมูลภายใน ส่งเงินไปเมืองนอก ผ่านบัญชีโนมินี ทำกำไรค่าเงินมหาศาล บนความเสียหายของคนไทยทั้งชาติ และบัดนี้ อาจได้แปลงเป็นสมบัติในต่างประเทศ ซึ่งโดยหลักของการเปิดเผยทรัพย์สินแล้ว ไม่ควรมีมากมายขนาดนั้นในต่างประเทศ แต่มีอีกได้อย่างไร และเท่ากับผิดรัฐธรรมนูญเรื่องการเปิดเผยทรัพย์สินชัดเจนอยู่แล้วหรือไม่ ? วินมาร์ค ก็คือการ ชนะค่าเงิน หรือไม่ ก็เป็นเรื่องน่าคิด

ผมได้รับเกียรติจากเพื่อนสื่อมวลชนที่อ่านบทความของผม และกรุณาแสดงข้อสงสัยต่อคำลงท้ายของผมที่ว่า "ขอให้คนไทยทุกคน รู้รักสามัคคี ไม่ยอมรับความแตกแยก" ว่า ใครกันที่บังคับให้แบ่งข้าง ? ผมยังคงยืนยัน อย่างเพื่อนสื่อมวลชน ก็ยังเป็นพี่น้องคนไทยร่วมชาติที่ผมรักและเคารพ พี่น้องเสื้อแดงก็เป็นคนไทยร่วมชาติที่ผมรักเคารพและห่วงใย ผมเคยได้รับคำสอนจากพี่ธิดา โตจิราการ ประธานชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตยยุคแรก ถือเป็นการทำกิจกรรมการเมืองภาคประชาชนด้วยกันว่า "เวลาตำหนิ อย่าตำหนิที่ตัวบุคคล (ว่าเป็นใครจึงถูกตำหนิ) แต่ให้ตำหนิที่การกระทำ (ว่าการกระทำใดเป็นความผิด) แต่การชมนั้น ให้ชมที่ตัวบุคคลได้เลย (โดยอาจประกอบว่าทำอะไร) ผมว่า**กลุ่มชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ให้เนื้อหาสระ หลักฐาน ประเด็นต่างๆที่ชี้ให้เห็นถึงอันตรายจากการกระทำที่ผิด **เช่นการใช้อำนาจรัฐครอบงำบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมต่างๆ ฯลฯ เช่นเดียวกับการเมืองภาคประชาชนในหลายๆครั้งที่เป็นความงดงาม ไม่ยกประเด็นเป็นความเกลียดชัง "พวกใคร พวกใคร"บอกกันเสมอว่า **ถ้าพี่น้องคนไทยยังไม่เข้าใจกัน ถูกทำให้แตกแยกเป็นฝักฝ่าย ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆชี้แจงสาระต่อกันแต่อดีตผู้นำ และผู้มีอำนาจบางคน พยายามใช้มุก "สร้างความแตกแยก" ไม่ให้ประชาชนรับทราบประเด็น หลักฐาน และเหตุผลที่มาจากผู้ชุมนุมอย่างชัดเจน แต่กลับบอกว่าเป็นเพียงเรื่องของ "พวกเขา พวกเรา" **

นั่นจึงเป็นการสร้างความแตกแยก หากเคารพความเป็นสำคัญของความรู้รักสามัคคีของคนไทยด้วยกัน ก็น่าจะเอาข้อมูลมาตีแผ่กันอย่างตรงไปตรงมา ให้คนไทยรู้ข้อมูลที่เท่าเทียมกัน และต่อสู้กันด้วยหลักฐานและเหตุผล คนไทยก็ไม่ต้องทะเลาะกัน แม้ระดับความนิยม ไม่นิยมจะยังไม่เหมือนกัน แต่ไม่ถูกทำให้แตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่าในประเด็นเรื่องนิติธรรม เราน่าจะเห็นได้ว่า ความผิดกฎหมายนั้นมีมาก่อน เช่น กรณีเลี่ยงภาษี โดยใช้อุบายซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จากบัญชีคนรับใช้ เป็นญาติใกล้ชิด แต่ใช้เงินของภรรยาและวนกลับมาเข้าบัญชีภรรยา ซึ่งศาลได่พิพากษาไปแล้ว กรณีที่ดินรัชดา ซึ่งอยู่ในกระบวนการศาล กรณีการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งดีเอสไอ และกลต.ได้ชี้มูลแล้ว แต่จะเห็นว่า ในยุคที่จำเลยเรืองอำนาจ ปปช. กลต. ปปง. สรรพากร ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ควรจะตรวจได้อยู่แล้วว่า วินมาร์คที่จ่ายเงินเข้ามาอย่างมีพิรุธมีที่มาอย่างไร เป็นเงินจากบัญชีจำเลยในต่างประเทศหรือไม่ ? เงินลูกสาวจ่ายไปให้วินมาร์คเข้าบัญชีใด ? เงินขายหุ้นที่ถือโดยกองทุนมาเลเซียที่อ้างว่าซื้อไปจากวินมาร์ควนไปเข้าบัญชีใด? เกี่ยวข้องกับเงินในต่างประเทศที่ไปซื้อสโมสรฟุตบอลหรือไม่ ? มีที่มาอย่างไร ? มีที่ไปอย่างไร ? หลักฐานจากต่างประเทศนั้น หน่วยงานภาครัฐจะขอความร่วมมือได้หรือไม่ ?

ประชาธิปไตยเดินไปได้อย่างมั่นคงเสมอ หากผู้ได้อำนาจได้ดิบได้ดี จากการเลือกตั้ง ธำรงรักษาความชอบธรรม ไม่เอาอำนาจที่ได้ กอบโกยเอื้อประโยชน์ส่วนตัว ประชาธิปไตยที่เราหวงแหนก็ไม่ต้องมีอำนาจอื่นมาแทรกแซง และรัฐบาลชั่วคราว ก็พร้อมให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็ว แต่การเว้นวรรคอำนาจช่วงสั้นๆ ก็ช่วยทำให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปได้ แน่นอน หากสร้างหลักฐานเท็จ ก็ควรตำหนิตามเนื้อหา จึงควรเอาเนื้อหามาพูดกันดีกว่าแต่ผู้มีอำนาจ เลือกที่จะ** "สร้างความแตกแยก" สร้างประเด็น "พวกเขาพวกเรา" และกลบเกลื่อนการจะทำกระบวนการยุติธรรมให้กระจ่าง ทุ่มทุนประเทศทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด **เช่น ทุน "ความแตกแยกของคนไทย เป็นพวกเขาพวกเรา" ทุน "ความชอบธรรมของคนไทย ให้เชื่อว่าคนมีอำนาจก็โกงกันทุกคน" หากยุคต่อๆไปมีค่านิยมยอมรับในเรื่องนี้ ลูกหลานเราจะอยู่อย่างไร ? ทุน "การใช้งบประมาณ ‘แจก’ ง่ายๆ" ให้เชื่อว่า รัฐบาลที่ต้องเอาภาษีที่จ่ายโดยคนทำงาน มาแจกง่ายๆ

เวลาเกิดความเสื่อมศรัทธาในรัฐบาลแต่ละครั้งว่าเอื้อทุจริต เอื้อการทำผิดกฏหมาย ก็จะมีรายการ "แจก" ง่ายๆออกมา แทนที่จะทุ่มเงินพัฒนาประเทศ ให้คนไทยทำงานแข่งขันได้ "แจก" ง่ายๆเช่นนี้ ต้องตั้งข้อสังเกตว่า คนจนยังจนเหมือนเดิมไหม ? ยังต้องคอยพึ่งนักการเมือง เอาเงินของประเทศ (ก็คือของประชาชน 65 ล้านคน) มา "แจก"ง่ายๆหรือไม่ ?

ขอให้คนไทยทุกคน รู้รักสามัคคี ไม่ยอมรับความแตกแยก เชื่อทางสว่าง ส่งเสริมความดี ตัดสินเรื่องต่างๆด้วย "เนื้อหา หลักฐาน และเหตุผล" ไม่ใช่ "พวกใครพวกใคร" ร่วมกันให้กำลังใจรัฐบาลในการบริหารบ้านเมืองอย่างสุจริต อยู่ในทางชอบธรรม ปกป้องความถูกต้องยุติธรรม รักษาศักดิ์ศรีแห่งหลักนิติธรรมของบ้านเมือง เมื่อบ้านเมืองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รักชาติ รักความถูกต้องยุติธรรม บ้านเมืองก็จะไม่เข้าสู่วิกฤต เศรษฐกิจด็จะดีต่อไปได้ในระยะยาวครับ

มนตรี ศรไพศาล
(ฝ่ายวิชาการ ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย)
montree4life@yahoo.com

กำลังโหลดความคิดเห็น