xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์ขานรับตั้ง บ.พัฒนา NPA

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบงก์กสิกรไทยขานรับแนวคิดธปท.ในการตั้งบริษัทร่วมทุนพัฒนาเอ็นพีเอ เชื่อทำให้เอ็นพีเอในระบบลดลงได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่เอ็นพีแอลสินเชื่อบ้านของธนาคารยังไม่มีสัญญาณผิดปกติ มั่นใจปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย ล่าสุดร่วมลดภาวะโลกร้อนจับมือทีจีโอหนุนเอสเอ็มอีจัดการด้านพลังงานลดต้นทุนและภาวะเรือนกระจกขายคาร์บอนเครดิตสร้างรายได้ให้องค์กรพร้อมออกเงินกู้เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANKเปิดเผยว่า โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวคิดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ที่จะให้ธนาคารพาณิชย์สามารถร่วมกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์จัดตั้งบริษัทร่วมทุนในการพัฒนาและบริหารสินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ) โดยอาจจะให้ธนาคารพาณิชย์ถือหุ้นประมาณ 40%

ซึ่งหากมีบริษัทดังกล่าวเกิดขึ้นจะทำให้มีผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านการจัดการและพัฒนาเอ็นพีเอของธนาคารและยังทำให้ทรัพย์ดังกล่าวมีความน่าสนใจและเป็นการเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ รวมถึงจะมีตัวแทนในการจำหน่ายทรัพย์เพิ่มขึ้น

"บริษัทอสังหาฯถือว่าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งหากได้เข้ามาแก้ไขก็น่าจะทำให้เอ็นพีเอในระบบมีการลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนการที่จะให้แบงก์เข้าไปถือหุ้น 40% นั้นจะทำให้แบงก์ได้รับเงินคืนจากมูลค่าเอ็นพีเอประมาณ 60% แต่หากแบงก์เก็บทรัพย์ไว้เองก็จะเป็นการแบกต้นทุนไว้เองจนกว่าจะขายออกไปได้"

ทั้งนี้ในปัจจุบันธนาคารมีเอ็นพีเออยู่ประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับเอ็นพีเอของทั้งระบบที่มีอยู่ประมาณ
100,000 ล้านบาท ซึ่งการขายเอ็นพีเอของธนาคารเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท

นายชาติชาย กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังไม่ได้ส่งผลต่อการชำระหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยของลูกค้า โดยยังไม่มีสัญญาณการชำระล่าช้าหรือผิดนัดชำระจนทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันเอ็นพีแอลของสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอยู่ที่ 3% ซึ่งลดลงจากสิ้นปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 3.5% โดยช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะลดลงได้อีกเล็กน้อย ส่วนเอ็นพีแอลสินเชื่อที่อยู่อาศัยของทั้งระบบอยู่ที่ 5-6%

อย่างไรก็ตามธนาคารมั่นใจว่าการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้จะขยายตัวมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30,000 ล้านบาท แม้ว่าประชาชนจะมีความระมัดระวังในเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ในปีนี้รัฐบาลก็มีนโยบายออกมากระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ครึ่งปีแรกสินเชื่อบ้านของธนาคารเติบโตแล้ว 17,000 ล้านบาท จึงทำให้มองว่าภายในช่วงที่เหลือของปีนี้จะปล่อยสินเชื่อได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้

**ร่วมลดภาวะโลกร้อน**

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารได้จัดทำโครงการลดต้นทุนพลังงาน ต้านโลกร้อน โดย K SME Care ส่งเสริมให้เอสเอ็มอีของไทยมีการบริหารจัดการด้านพลังงานอย่างมีคุณภาพเพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อน โดยได้ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (ทีจีโอ) ดำเนินโครงการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีร่วมกันลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก และสามารถสร้างรายได้กลับคืนจากการขายคาร์บอนเครดิต

ทั้งนี้ การจะดำเนินโครงการลดการปล่อยภาวะเรือนกระจกนั้น ผู้ประกอบการอาจจะต้องมีการลงทุนสร้างระบบการใช้พลังงานทดแทน แต่ก็เชื่อว่า หากมีการวางแผนและดำเนินโครงการที่ดีจะได้รับผลตอบแทนคุ้มกับการลงทุน โดยหากผู้ประกอบการขาดแคลนเงินทุนทางธนาคารได้ประสานงานกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานกระทรวงพลังงาน(พพ.) ออกบริการสินเชื่อเพื่อการอนุรักษ์พลังงานกสิกรไทย(K-Energy Saving Loan) เพื่อสนับสนุนเงินลงทุนแก่ เอสเอ็มอีสำหรับดำเนินโครงการด้านอนุรักษ์พลังงานหรือการใช้พลังงานทดแทน โดยจะให้วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาทต่อราย คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 4% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 7 ปี

สำหรับผู้ที่ต้องการวงเงินกู้มากกว่าวงเงินที่กำหนดจะคิดอัตราดอกเบี้ยตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร โดยในเบื้องต้นธนาคารรับเงินสนับสนุนจาก พพ. ในการปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 160 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะขอวงเงินเพิ่มเป็น 500 ล้านบาท หรือปล่อยกู้ลูกค้าไม่ต่ำกว่า 30 ราย

นายปกรณ์กล่าวอีกว่า การปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารในสิ้นปีนี้คาดว่าจะเติบโตตามเป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้ว่า 60,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% โดยครึ่งปีแรกสินเชื่อดังกล่าวเติบโตอยู่ที่ 9%

ส่วนครึ่งปีหลังมองว่าอัตราการเติบโตน่าจะยังมีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้นทุนของผู้ประกอบการปรับตัวลดลงจากราคาน้ำมันที่ลดลง
นอกจากนี้ ในครึ่งหลังของปีนี้ธนาคารได้เน้นการปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพ โดยเน้นธุรกิจที่มีการเติบโตดี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก เช่น อุตสาหกรรมเกษตร เกษตรแปรรูป ท่องเที่ยว และโรงแรม
กำลังโหลดความคิดเห็น