แบงก์กสิกรไทยระบุตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยปีนี้ยังเติบโตไดัต่อเนื่องจาก คุยส่วนของแบงก์ปีนี้จะปล่อยได้เกินเป้าหมาย 30% สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยครึ่งปีหลังยังมีสิทธิ์ขึ้นได้อีก 0.25-0.50% แต่จะไม่กระทบการปล่อยสินเชื่อมากนักเนื่องจากปัจจุบันดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ พร้อมคุมเอ็นพีแอลให้เหลือ 2.5% จากปัจจุบัน 3% ล่าสุดออกแคมเปญแหวกแนว กู้เงินซื้อบ้านเสริมดูฮวงจุ้ยจากผู้เชี่ยวชาญหวังให้ลูกค้าสุขทั้งกายและใจ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้จะยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปีนี้จะมีการขยายตัวอยู่ที่ 12% จากปีที่แล้วมีการขยายตัวอยู่ที่ 9% โดยปัจจัยหนุนที่จะทำให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้จะยังมีการขยายตัวได้เนื่องจากในปีหน้าราคาที่อยู่อาศัยน่าจะมีราคาสูงกว่าในปีนี้ 10-20% อีกทั้งในปีนี้ยังมีมาตรการของภาครัฐเป็นตัวกระตุ้นรวมถึงอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าจะยังคงขยับขึ้นไปอีก ส่วนปัจจัยลบ คือ การเมืองที่ยังวุ่นวาย ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และค่าครองชีพที่ได้มีการปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
"หากเทียบปัจจัยลบกับปัจจัยบวกที่มีผลทำให้คนที่ต้องการซื้อบ้านต้องชะลอการซื้อออกไปหรือทำให้ซื้อเร็วขึ้นแล้ว ก็มีพอ ๆ กัน แต่โดยรวมก็จะยังพอไปได้ โดยสินเชื่อบ้านทั้งระบบของปีนี้น่าจะได้กว่าปีก่อนเล็กน้อย"
สำหรับการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารกสิกรไทยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานั้น สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้ว 13,000 ล้านบาท หรือเติบโตกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 20% ส่วนเป้าหมายทั้งปีตั้งไว้ที่ 30,000 ล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อน 16% แต่อย่างไรก็ตามธนาคารมีความเชื่อมั่นว่าในปีนี้จะสามารถปล่อยสินเชื่อดังกล่าวได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 30% จากปัจจัยบวกที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อบ้าน
ทั้งนี้ ในครึ่งหลังของปีนี้อัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มปรับขึ้นได้อีกประมาณ 0.25-0.50% ซึ่งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทุกๆ 1% จะส่งผลให้ต้นทุนในการผ่อนชำระบ้านของลูกค้าในแต่ละงวดเพิ่มขึ้น 6% แต่มองว่าการที่อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นอีกจะไม่ส่งผลต่อการปล่อยสินเชื่อบ้าน เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 6-7% ถือว่ายังเป็นฐานที่ต่ำยังไม่กระทบต่อภาระของลูกค้า อีกทั้งใน 3 ปีแรก ธนาคารมีโปรโมชั่นต่างๆ ทำให้ลูกค้าไม่ได้รับภาระหนักเกินไป
อย่างไรก็ตาม หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อบ้านในปัจจุบันอยู่ที่ 3% หรือ 3,000 ล้านบาท จากฐานสินเชื่อบ้าน 100,000ล้านบาท ซึ่งธนาคารคาดว่าในสิ้นปีนี้เอ็นพีแอลอาจจะลดลงเหลือ 2.5% เนื่องจากธนาคารมีการปรับโครงสร้างหนี้กับลูกค้า นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจและต้นทุนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบันมองว่าเริ่มกระทบกับลูกค้าที่กู้บ้านแล้วบางส่วน โดยเฉพาะลูกค้าที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 20,000 บาท แต่กลุ่มลูกค้าดังกล่าวไม่ใช่ลูกค้าเป้าหมายของธนาคารเนื่องจากลูกค้าเป้าหมายของธนาคารเป็นกลุ่มที่มีเงินเดือน 50,000 บาทขึ้นไป แต่ลูกค้าที่เงินเดือนต่ำกว่า 20,000 บาท จะเป็นลูกค้าของแบงก์รัฐธนาคารจึงไม่ได้รับผลกระทบ
นายชาติชาย กล่าวว่า ธนาคารได้เปิดตัวแคมเปญสินเชื่อบ้านกสิกรไทยใหม่ คือ โครงการกู้บ้านเสริมฮวงจุ้ย สำหรับลูกค้าที่กู้ K-Home Loan(สินเชื่อบ้านกสิกรไทย) และได้รับการอนุมัติวงเงินกู้ตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป จะได้รับบริการให้คำแนะนำด้านฮวงจุ้ยจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ฮวงจุ้ย พร้อมตรวจสอบฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัยของลูกค้าแต่ละราย ในรูปแบบของฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังจะได้รับโปรโมชั่นพิเศษจากพันธมิตรโครงการหมู่บ้านชั้นนำที่เข้าร่วมโครงการกว่า 20 บริษัท รวมกว่า 100 โครงการ รวมทั้งการเป็นสมาชิก K Home Smile Club ซึ่งมีบริการพิเศษต่างๆ มอบให้แก่สมาชิก โปรโมชั่นพิเศษนี้มอบให้แก่ลูกค้าที่สมัครขอสินเชื่อบ้านกสิกรไทย ตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน ถึง 31 ธันวาคม 2551
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้จะยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปีนี้จะมีการขยายตัวอยู่ที่ 12% จากปีที่แล้วมีการขยายตัวอยู่ที่ 9% โดยปัจจัยหนุนที่จะทำให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้จะยังมีการขยายตัวได้เนื่องจากในปีหน้าราคาที่อยู่อาศัยน่าจะมีราคาสูงกว่าในปีนี้ 10-20% อีกทั้งในปีนี้ยังมีมาตรการของภาครัฐเป็นตัวกระตุ้นรวมถึงอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าจะยังคงขยับขึ้นไปอีก ส่วนปัจจัยลบ คือ การเมืองที่ยังวุ่นวาย ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และค่าครองชีพที่ได้มีการปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
"หากเทียบปัจจัยลบกับปัจจัยบวกที่มีผลทำให้คนที่ต้องการซื้อบ้านต้องชะลอการซื้อออกไปหรือทำให้ซื้อเร็วขึ้นแล้ว ก็มีพอ ๆ กัน แต่โดยรวมก็จะยังพอไปได้ โดยสินเชื่อบ้านทั้งระบบของปีนี้น่าจะได้กว่าปีก่อนเล็กน้อย"
สำหรับการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารกสิกรไทยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานั้น สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้ว 13,000 ล้านบาท หรือเติบโตกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 20% ส่วนเป้าหมายทั้งปีตั้งไว้ที่ 30,000 ล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อน 16% แต่อย่างไรก็ตามธนาคารมีความเชื่อมั่นว่าในปีนี้จะสามารถปล่อยสินเชื่อดังกล่าวได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 30% จากปัจจัยบวกที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อบ้าน
ทั้งนี้ ในครึ่งหลังของปีนี้อัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มปรับขึ้นได้อีกประมาณ 0.25-0.50% ซึ่งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทุกๆ 1% จะส่งผลให้ต้นทุนในการผ่อนชำระบ้านของลูกค้าในแต่ละงวดเพิ่มขึ้น 6% แต่มองว่าการที่อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นอีกจะไม่ส่งผลต่อการปล่อยสินเชื่อบ้าน เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 6-7% ถือว่ายังเป็นฐานที่ต่ำยังไม่กระทบต่อภาระของลูกค้า อีกทั้งใน 3 ปีแรก ธนาคารมีโปรโมชั่นต่างๆ ทำให้ลูกค้าไม่ได้รับภาระหนักเกินไป
อย่างไรก็ตาม หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อบ้านในปัจจุบันอยู่ที่ 3% หรือ 3,000 ล้านบาท จากฐานสินเชื่อบ้าน 100,000ล้านบาท ซึ่งธนาคารคาดว่าในสิ้นปีนี้เอ็นพีแอลอาจจะลดลงเหลือ 2.5% เนื่องจากธนาคารมีการปรับโครงสร้างหนี้กับลูกค้า นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจและต้นทุนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบันมองว่าเริ่มกระทบกับลูกค้าที่กู้บ้านแล้วบางส่วน โดยเฉพาะลูกค้าที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 20,000 บาท แต่กลุ่มลูกค้าดังกล่าวไม่ใช่ลูกค้าเป้าหมายของธนาคารเนื่องจากลูกค้าเป้าหมายของธนาคารเป็นกลุ่มที่มีเงินเดือน 50,000 บาทขึ้นไป แต่ลูกค้าที่เงินเดือนต่ำกว่า 20,000 บาท จะเป็นลูกค้าของแบงก์รัฐธนาคารจึงไม่ได้รับผลกระทบ
นายชาติชาย กล่าวว่า ธนาคารได้เปิดตัวแคมเปญสินเชื่อบ้านกสิกรไทยใหม่ คือ โครงการกู้บ้านเสริมฮวงจุ้ย สำหรับลูกค้าที่กู้ K-Home Loan(สินเชื่อบ้านกสิกรไทย) และได้รับการอนุมัติวงเงินกู้ตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป จะได้รับบริการให้คำแนะนำด้านฮวงจุ้ยจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ฮวงจุ้ย พร้อมตรวจสอบฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัยของลูกค้าแต่ละราย ในรูปแบบของฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังจะได้รับโปรโมชั่นพิเศษจากพันธมิตรโครงการหมู่บ้านชั้นนำที่เข้าร่วมโครงการกว่า 20 บริษัท รวมกว่า 100 โครงการ รวมทั้งการเป็นสมาชิก K Home Smile Club ซึ่งมีบริการพิเศษต่างๆ มอบให้แก่สมาชิก โปรโมชั่นพิเศษนี้มอบให้แก่ลูกค้าที่สมัครขอสินเชื่อบ้านกสิกรไทย ตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน ถึง 31 ธันวาคม 2551
