xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์แช่แข็งคอนโดฯหรู เกิน 10 ล้านเน้นฝรั่งกู้ยาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“อสังหาฯ หวั่นแบงก์เข้มปล่อยกู้ ฉุดธุรกิจอสังหาฯเดี้ยง เผยยอดปฏิเสธสินเชื่อรายย่อยพุ่ง 50% ส่วนคอนโดฯเจอหนักสุด ต้องขายกระดาษให้ได้ 50% แบงก์จึงพร้อมปล่อยกู้ วอนรัฐช่วยลดดอกเบี้ยเหลือ 3% กระตุ้นกำลังซื้อส่งอานิสงส์อีกหลายธุรกิจ พร้อมเสนอแก้กฎหมายบังคับจำนองที่เกี่ยวกับกรมบังคับคดีให้เร็วขึ้น พร้อมผ่อนเกณฑ์ให้ผู้ประกอบการเข้าซื้อบ้านในโครงการที่ถูกแบงก์ยึดนำมาขายใหม่ ช่วยลดปัญหาเอ็นพีเอทรุดโทรมหมดราคา

นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท นิรันดร์ เรสซิเดนท์ จำกัด และอุปนายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ในขณะนี้ คือ การปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินมีสถิติเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการ โดยยอดปฏิเสธสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ประมาณ 30% เนื่องจากวงเงินน้อยทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อไม่สูงมากนัก แต่สำหรับบ้านราคาตั้งแต่ 2-5 ล้านบาท มียอดปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 50% ทำให้ผู้ประกอบการต้องนำกลับมาขายใหม่เพิ่มต้นทุนการตลาดและต้นทุนด้านดอกเบี้ยมากยิ่งขึ้น

ส่วนสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการนั้น ทางสถาบันการเงินอนุมัติยากมาก โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม ผู้ประกอบการต้องขายห้องชุดให้ได้ไม่น้อยกว่า 50% จึงจะอนุมัติสินเชื่อให้ นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดเงื่อนไขเรื่องกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้อห้องชุดที่เข้มงวดขึ้นเช่นเดียวกัน จะให้เฉพาะในส่วนคอนโดฯระดับราคา 1-3 ล้านบาท ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายคนไทย ส่วนคอนโดฯระดับไฮเอ็นด์หรือบ้านพัก วิลลาตากอากาศ ซึ่งถือเป็นบ้านหลังที่สองในแหล่งท่องเที่ยว ที่เน้นจำหน่ายกลุ่มคนต่างชาติระดับราคาเกิน 10 บาทขึ้นไปนั้น จะไม่ปล่อยกู้ เพราะเห็นว่ามีความเสี่ยง กำลังซื้อลดลงจากปัญหาวิกฤตทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมต้องการให้มีการแก้กฎหมายการบังคับหลักประกัน หรือบังคับจำนองให้เร็วขึ้น ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับกรมบังคับคดี จากที่ในอดีตหลังจากที่ลูกหนี้ไม่ยอมชำระค่างวดต้องใช้เวลานาน ทำให้สินทรัพย์เสื่อมโทรมลงมาก เมื่อสถาบันการเงินนำออกขายก็ไม่ได้ราคา หากมีการบังคับหลักประกันเร็ว ก็จะช่วยรักษามูลค่าของสินทรัพย์นั้นไว้ได้ นอกจากนี้ควรเปิดโอกาสให้เจ้าของโครงการ สามารถเข้าซื้อบ้านที่ถูกธนาคารยึดนำกลับมาช่วยขายใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบ้านวางภายในโครงการ

“แบงก์เข้มงวดกับการให้สินเชื่อโครงการมาก ต้องทำการขายกระดาษให้ได้ 50% ก่อนจึงจะปล่อยกู้ จากที่ก่อนหน้านี้ดูแค่เพียงศักยภาพของโครงการเป็นหลักและมีบางธนาคารที่ตั้งเงื่อนไขไม่ปล่อยสินเชื่อบ้านให้แก่คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท/เดือนแล้ว ดังนั้น ภาครัฐควรเข้ามาช่วยเหลือโดยลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านให้อยู่ในระดับ 3% เหมือนหลังปี 2540 จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 7% เพื่อช่วยประคับประคองธุรกิจในช่วงนี้ไปก่อนและการลดดอกเบี้ยยังช่วยให้ธุรกิจอื่นได้ประโยชน์ด้วย”

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ มีหลายธนาคารประกาศปรับเพดานของลูกค้าที่ต้องการขอสินเชื่อบ้าน เช่น ธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น

***ยืดมาตรการภาษีเร่งเอกชนลงทุนเพิ่ม

ด้าน นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมายอดขายที่อยู่อาศัยในทุกเซ็กเม้นท์ของบริษัทปรับตัวลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าประมาณ 30% หลังธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ขณะที่กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในระดับ ราคา 1-3 ล้านบาทส่วนใหญ่ ใช้เงินกู้ผ่อนส่งระยะยาว 20-30 ปีกับสถาบันการเงิน และมีสัดส่วนที่ซื้อเงินสดน้อย ซึ่งกรณีเงินสดจะเป็นเฉพาะที่อยู่อาศัยระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป

นายอิสระ บุญยัง อุปนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมากลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯในนามสมาคมต่างๆ ได้เข้าพบ นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช รมว.คลัง เพื่อขอให้ธนาคารของรัฐเป็นแกนนำในการปล่อยกู้สินเชื่อรายย่อย และให้ปรับลดดอกเบี้ยลงเพื่อช่วยเรื่องต้นทุนของผู้ประกอบการ และให้รายย่อยเข้าถึงสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น เพราะเวลานี้ ดอกเบี้ยสามารถลดลงได้ตามตลาดโลก ไม่ได้มีแรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อ จากราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

ส่วนข้อเสนอเรื่องการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน จดจำนอง ที่จะหมดอายุลงในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2552 ออกไปอีก 1 ปีนั้น เพราะเห็นว่าจะช่วยผู้ประกอบการให้กล้าตัดสินใจลงทุนเปิดโครงการใหม่ๆ ได้ จากปัจจุบันที่เริ่มมีการชะลอลงทุนเปิดโครงการใหม่และคาดว่าจะทำให้ยอดที่อยู่อาศัยจดทะเบียนทุกประเทศในสิ้นปีนี้ปรับลดลงจาก 74,000 หน่วยในปีก่อนหน้าเหลือ 70,000 หน่วยในสิ้นปีนี้

นายธำรง กล่าวเสริมว่า การเข้าพบ รมว.คลัง เป็นการเข้าพบเพื่อยื่นข้อเสนอ ข้อเรียกร้อง ปรับทุกข์ ปรารภ ให้รัฐบาลได้รับรู้รับฟัง เพราะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ เป็นมือใหม่หัดขับ ดังนั้น กลุ่มธุรกิจเราจะต้องนำเสนอปัญหาด้านต่างๆ ให้รัฐมนตรีได้รับทราบและหาทางช่วยเหลือต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น