รายงานข่าวจากศาลล้มละลายกลาง มีคดีหมายเลขแดงที่ ล.4464/2551 ระหว่างธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โจทก์ นายวีระ มุสิกพงศ์ เป็นจำเลย โดยศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของจำเลย เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา
ตามหลักของกฎหมาย เมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด (ลูกหนี้) หรือ นายวีระ มุสิกพงศ์ แล้ว ได้มีคำสั่งศาลส่งมายังกรมบังคับคดี โดยกรมจะต้องดำเนินการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งตามกระบวนการแล้วน่าจะประกาศได้ภายในวันที่ 29 ก.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม กรมจะเรียก นายวีระ มาชี้แจง โดยเชื่อว่า นายวีระ ได้รับคำสั่งจากพนักงานแล้ว
ในส่วนของเจ้าหนี้ (ธนาคารกสิกรไทย) นั้น ต้องรอให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้มายังกรมบังคับคดีภายในระยะเวลา 2 เดือน นับจากวันที่ลงประกาศราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะรู้มูลหนี้ เจ้าหนี้มีหลักประกัน เจ้าหนี้ทั่วไป เป็นต้น
คิดว่า ลูกหนี้คงทราบว่าตัวเองถูกพิทักษ์ทรัพย์ การจะมาบอกว่าไม่ได้รับเอกสาร หรือคำสั่งคงเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่เหมาะสมนัก เพราะโดยทางปฏิบัติแล้ว ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะส่งเอกสารไปทุกช่องทาง เพื่อให้ลูกหนี้รับทราบ นอกจากนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังต้องไปตรวจสอบอีกว่า เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์แล้ว จำเลยมีการไปทำธุรกรรมใดๆ ที่ผูกพัน หรือก่อให้เจ้าหนี้ที่มีส่วนได้เสีย รายใดรายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือไม่ ถ้ามีจะต้องดำเนินการเอาคืน หรือยกเลิกการทำธุรกรรมนั้นๆ
ทั้งนี้ นายวีระ อาจจะมีช่องทางในหลีกเลี่ยงได้ เช่น การจะกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับเอกสารจากกรมบังคับคดี และไปยื่นเรื่องให้ศาลพิจารณา หรือในช่วง 2 เดือน ที่ทางเจ้าหนี้ยื่นเรื่องขอชำระหนี้นั้น ทางจำเลยอาจจะเข้าสู่กระบวนการประนอมหนี้ ขณะที่เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังโทรศัพท์มือถือ นายวีระ เมื่อ นายวีระ รับสาย และทราบเรื่องว่าผู้สื่อข่าวต้องการจะสอบถามเรื่องอะไร เจ้าตัวที่ปลายสายกลับบอกว่าผู้สื่อข่าวโทร.ผิด ต้องติดต่อไปอีกเบอร์หนึ่ง
สำหรับนายวีระ ถือเป็นหัวหอกสำคัญในการเคลื่อนไหวสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยยังเป็นอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) และถูกดำเนินคดีข้อหานำประชาชนสร้างความวุ่นวายหน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ และล่าสุดรับลูกรัฐบาลจัดรายการ ความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ NBT เพื่อตอบโต้กับฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล
ตามหลักของกฎหมาย เมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด (ลูกหนี้) หรือ นายวีระ มุสิกพงศ์ แล้ว ได้มีคำสั่งศาลส่งมายังกรมบังคับคดี โดยกรมจะต้องดำเนินการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งตามกระบวนการแล้วน่าจะประกาศได้ภายในวันที่ 29 ก.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม กรมจะเรียก นายวีระ มาชี้แจง โดยเชื่อว่า นายวีระ ได้รับคำสั่งจากพนักงานแล้ว
ในส่วนของเจ้าหนี้ (ธนาคารกสิกรไทย) นั้น ต้องรอให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้มายังกรมบังคับคดีภายในระยะเวลา 2 เดือน นับจากวันที่ลงประกาศราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะรู้มูลหนี้ เจ้าหนี้มีหลักประกัน เจ้าหนี้ทั่วไป เป็นต้น
คิดว่า ลูกหนี้คงทราบว่าตัวเองถูกพิทักษ์ทรัพย์ การจะมาบอกว่าไม่ได้รับเอกสาร หรือคำสั่งคงเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่เหมาะสมนัก เพราะโดยทางปฏิบัติแล้ว ทางเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะส่งเอกสารไปทุกช่องทาง เพื่อให้ลูกหนี้รับทราบ นอกจากนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังต้องไปตรวจสอบอีกว่า เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์แล้ว จำเลยมีการไปทำธุรกรรมใดๆ ที่ผูกพัน หรือก่อให้เจ้าหนี้ที่มีส่วนได้เสีย รายใดรายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือไม่ ถ้ามีจะต้องดำเนินการเอาคืน หรือยกเลิกการทำธุรกรรมนั้นๆ
ทั้งนี้ นายวีระ อาจจะมีช่องทางในหลีกเลี่ยงได้ เช่น การจะกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับเอกสารจากกรมบังคับคดี และไปยื่นเรื่องให้ศาลพิจารณา หรือในช่วง 2 เดือน ที่ทางเจ้าหนี้ยื่นเรื่องขอชำระหนี้นั้น ทางจำเลยอาจจะเข้าสู่กระบวนการประนอมหนี้ ขณะที่เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังโทรศัพท์มือถือ นายวีระ เมื่อ นายวีระ รับสาย และทราบเรื่องว่าผู้สื่อข่าวต้องการจะสอบถามเรื่องอะไร เจ้าตัวที่ปลายสายกลับบอกว่าผู้สื่อข่าวโทร.ผิด ต้องติดต่อไปอีกเบอร์หนึ่ง
สำหรับนายวีระ ถือเป็นหัวหอกสำคัญในการเคลื่อนไหวสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยยังเป็นอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) และถูกดำเนินคดีข้อหานำประชาชนสร้างความวุ่นวายหน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ และล่าสุดรับลูกรัฐบาลจัดรายการ ความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ NBT เพื่อตอบโต้กับฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล
