xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้ฟิตโชว์กำไรQ2โต14.5% หวั่นครึ่งปีหลังศก.ฟุบดันNPLพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธนาคารทิสโก้โชว์ศักยภาพแบงก์เล็ก เผยไตรมาส 2 จำนวน 501.28 ล้าน เพิ่ม 14.5%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ครึ่งปีแรก ทำกำไรสุทธิ 930.37 ล้านบาท เพิ่ม 17.2% สินเชื่อเช่าซื้อยังคงสัดส่วนสูงสุดโต 4.9% รับครึ่งปีหลังยังต้องเหนื่อย จากเศรษฐกิจที่ชะลอและจะส่งผลต่อการชำระหนี้ด้วย พร้อมเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มอีก 10-20 แห่ง

นายปลิว มังกรกนก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยถึงผลประกอบการของธนาคารในไตรมาสที่ 2 ปี 2551 ว่าธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 501.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกับปีก่อน เนื่องจากมีหลายปัจจัยส่งเสริมการเติบโต ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลเพิ่มขึ้น 22.1% ตามการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อรายย่อยที่เพิ่มขึ้น 18.0% และการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 42.6% มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียม 25.3% ส่งผลให้ผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของธนาคารปี 2551 มีกำไรสุทธิ 930.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.75 ล้านบาท หรือ 17.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยมีปริมาณสินเชื่อในไตรมาส 2 จำนวน 95,267.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,006.42 ล้านบาท หรือ 5.5% จากไตรมาสแรกของปี 2551 ซึ่งแบ่งออกเป็นสินเชื่อรายย่อย 72,861.01 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นสินเชื่อเช่าซื้อจำนวน 71,063.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9%, สินเชื่อธุรกิจ 17,510.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% และสินเชื่ออื่นๆ 4,895.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% โดยสัดส่วนโครงสร้างสินเชื่อทั้งหมดแบ่งออกเป็น สินเชื่อรายย่อย 76.5%, สินเชื่อธุรกิจ 18.4% และสินเชื่ออื่นๆ 5.1%

ทั้งนี้ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่มีจำนวน 10,611.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,455.86 ล้านบาท หรือ 30.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เทียบกับยอดขายรถยนต์ใหม่ภายในประเทศงวด 5 เดือนแรกของปี 2551 อยู่ที่ 270,175 คัน หรือเพิ่มขึ้น 12.9% ส่งผลให้อัตราปริมาณการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ของธนาคารต่อปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ใหม่เฉลี่ย (Penetration Rate) ใน 5 เดือนแรกของปี 2551 อยู่ที่ 10.0% ซึ่งยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยในปี 2550 ที่ 9.4%

"สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์คิดเป็น 75% ของพอร์ตสินเชื่อรวมทั้งหมด ซึ่งในพอร์ตเช่าซื้อรถยนต์นั้น 20% เป็นส่วนของสินเชื่อรถเก่า และวันที่ 16 ก.ค.นี้เราก็จะมีการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรถใหม่มาอยู่ที่ 3.25% จากเดิม 3% ส่วนสินเชื่อรวมครึ่งปีแรกก็เติบโต 10% ซึ่งในครึ่งหลังก็คูณสองไป ก็น่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ก็ต้องระวัง"

สำหรับเงินฝากและเงินกู้ยืมระยะสั้นในไตรมาส 2 ปี 2551 มีจำนวน 85,172.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% จากสิ้นไตรมาสที่แล้ว ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากและเงินกู้ยืมระยะสั้นเท่ากับ 111.9% เพิ่มขึ้นจาก 107.6% ณ สิ้นไตรมาสที่แล้ว ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของสินเชื่อในไตรมาสนี้

โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อ (loan spread) เพิ่มขึ้นจาก 3.3% เป็น 3.9% แต่เฉลี่ยครึ่งปีอยู่ที่ 4% ซึ่งแสดงถึงความสามารถของธนาคารในการปรับสัดส่วนของสินทรัพย์และหนี้สินให้สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ย โดยธนาคารมีกลยุทธ์ในการขยายตัวในธุรกิจสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง ภายใต้การบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี ในขณะที่ต้นทุนเงินทุนลดลงจากการขยายฐานเงินฝากลูกค้ารายย่อยผ่านการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากซึ่งหลากหลายตรงกับความต้องการของลูกค้า อย่างไรก็ตามส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เป้าหมายว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.7-3.8%

สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีจำนวน 3,957.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% ซึ่งเป็นภาวะปกติตามการขยายตัวของสินเชื่อ โดยอัตราส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวม อยู่ที่ 4.1% โดยสัดส่วน NPL ของสินเชื่อรายย่อยเท่ากับ 2.5% และสัดส่วน NPL ของสินเชื่อธุรกิจเท่ากับ 7.6% ซึ่งทั้งหมดเป็น NPL ที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ โดยยอดสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและค่าเผื่อการปรับมูลค่าจากการปรับโครงสร้างหนี้มีจำนวน 2,887.78 ล้านบาท คิดเป็น 73.0% ของยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่เท่ากับ 2,228.56 ล้านบาท ตามนโยบายการตั้งสำรองอย่างระมัดระวัง เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อการดำเนินงาน

ด้านการดำรงเงินกองทุนของธนาคารตามเกณฑ์ของธปท.ยังอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการขยายตัวในอนาคต โดยฐานะเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 10.20% ทั้งนี้อัตราส่วนการดำรงเงินกองทุนดังกล่าวยังคงสูงกว่าอัตราขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)

ส่วนกลยุทธ์ของธนาคารในช่วงครึ่งปีหลังว่า ยังคงเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อสร้างความแตกต่างให้เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้า โดย 1. ลูกค้าที่มาใช้บริการทิสโก้ต้องได้รับประโยชน์ที่สูงกว่า 2. ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า และ 3. ต้องได้รับบริการที่รวดเร็วกว่า ที่ผ่านมาธนาคารจึงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายควบคู่ไปกับการขยายช่องทางการให้บริการเพื่อให้เข้าถึงและครอบคลุมความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ทั้งรายย่อย รายกลางไปจนถึงลูกค้ารายใหญ่ อีกทั้งมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 10-20 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จากปัจจุบันที่มีอยู่ 29 แห่งทั่วประเทศ

**ชี้เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังต้องระวัง**

นายปลิว กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกที่ผ่านมาภาพรวมแล้วถือว่าดีมาก แต่ครึ่งปีหลังคงจะมีความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น และมีเหตุที่ต้องระวัง เนื่องจากเศรษฐกิจจะชะลอ ค่าใช้จ่ายก็มีการปรับขึ้นมาเท่าตัว คนมีรายได้น้อยลง ก็จะมีผลต่อการคืนเงินกู้ ทำให้มีการจ่ายล่าช้า รวมถึงหนี้บัตรเครดิตก็คงจะมีการชำระล่าช้าเช่นกัน ขณะที่การลงทุนก็คงจะมีการชะลอออกไป อย่างไรก็ตาม เมื่อแนวโน้มเป็นเช่นนี้ทุกฝ่ายก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมอย่าตกใจ ซึ่งธนาคารก็คงจะมีการบริหารความเสี่ยงมากขึ้นและเดินหน้าการทำธุรกิจต่อไป

**เล็งออกหุ้นกู้ช่วงครึ่งปีหลัง**

นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล กรรมการรองกรรมการอำนวยการ ธนาคารทิสโก้ เปิดเผยว่า ธนาคารมีแผนที่จะออกหุ้นกู้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้หากภาวะตลาดเอื้ออำนวย แม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังจะเป็นขาขึ้นแต่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักที่จะนำมาพิจารณา เพราะธนาคารต้องนำปัจจัยหลายๆ อย่างมาพิจารณาประกอบด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น