ดัชนีหุ้นภาคบ่ายร่วงกว่า 11 จุด นักลงทุนกังวลเงินเฟ้อสูงกว่า 10% เทขายหุ้นกลุ่มแบงก์-อสังหาฯ คาดเอ็นพีแอลพุ่ง ศก.ชะลอดตัว
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ ( 2 ก.ค.) ดัชนีเปิดตลาดภาคบ่ายร่วงลงไปกว่า 10 จุด จากความกังวลอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นมากในเดือนมิ.ย.51 โดยสูงขึ้นถึง 8.9% ถือเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 10 ปี ทำให้มีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะประชุมในเดือนนี้ ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อหยุดยั้งเงินเฟ้อ ทำให้เกิดแรงเทขายออกมาในหุ้นกลุ่มธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ โดยเมื่อเวลา 14.35 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 757.86 จุด ลดลง 10.73 จุด เปลี่ยนแปลง-1.40%
นายคมสันต์ ปรมาภูติ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยบ่ายนี้ร่วงลงมากว่า 10 จุด ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในแถบยุโรปที่เริ่มเปิดตลาดเทรดกันแล้ว นำโดยตลาดเยอรมันขณะนี้ ก็ปรับตัวลงมาอยู่ในแดนลบ
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากเรื่องของเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในงวดเดือนมิ.ย.ที่ 8.9% มากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ ส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์จะต้องทำการทบทวนตัวเลขเงินเฟ้อกันใหม่
"บ่ายนี้หุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้ถูกเทขายออกมามาก เนื่องจากแบงก์มีแนวโน้มที่จะชะลอการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังปีนี้ (2551) ลดลง เนื่องจากวิตกว่าตัวเลข NPL จะสูงขึ้น และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะชะลอตัว"
ส่วนหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ก็รับผลกระทบจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่จะต้องมีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลที่ต่อเนื่องมาจากเงินเฟ้อที่สูง พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 755 จุด แนวต้าน 762 จุด
ล่าสุด 14.58 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 757.03 จุด ลดลง 11.56 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6,687.37 ล้านบาท