เลห์แมน บราเธอร์ส ระบุ ปธ.เฟด ส่งสัญญาณบอร์ดของธนาคารจับตาเงินเฟ้อ 4% กรุยทางขึ้นดอกเบี้ย พร้อมคาดมติที่ประชุมคืนนี้ ตรึงดบ.ที่ 2% หลังใช้นโยบาบลดดบ.แบบมาราธอน
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายอีธาน แฮร์ริส หัวหน้านักวิเคราะห์จากเลห์แมน บราเธอร์ส ออกมาคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งสัญญาณในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในคืนนี้ว่า เฟดจะหันไปจับตาดูประเด็นเงินเฟ้อมากกว่าประเด็นเศรษฐกิจถดถอยและภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ
ทั้งนี้ นายเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด และคณะกรรมการกำหนดนโยบายคนอื่นๆ ของเฟด หันมาจับตาดูสถานการณ์เงินเฟ้อหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเป็นสองเท่า และตัวเลขเงินเฟ้อทะยานขึ้นเหนือระดับ 4% อย่างไรก็ตาม คาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะไม่สูงขึ้นไปกว่านี้เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อและการขาดทุนอย่างหนักของธนาคารพาณิชย์
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นที่ 2.00% นับเป็นการสิ้นสุดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 20 ปีของเฟด
"เฟดกำลังจับตาดูความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น และคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย"
ด้านสำนักข่าวเอพี คาดการณ์ว่า แถลงการณ์ของเฟดหลังการประชุมจะเน้นถึงความเสี่ยงจากปัญหาเงินเฟ้อ แต่จะไม่ส่งสัญญาณถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนการประชุมรอบต่อไปในวันที่ 5 ส.ค. ที่จะถึงนี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนในตลาดวอลล์สตรีตและนักเศรษฐศาสตร์บางกลุ่มเชื่อว่า ปัญหาเงินเฟ้อจะกดดันให้เฟดเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือน ส.ค. หรือช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์อีก บางส่วนเชื่อว่าเฟดจะไม่พยายาม ขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเกรงว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะกระทบต่อวิกฤตการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์
นายจอห์น พราวีน นักวิเคราะห์จากพรูเดนเชียล อินเตอร์เนชันแนล กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี โดยระบุว่า อัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงอัตราจ้างงานที่ลดลง บวกกับเงินเฟ้อที่รุนแรง ยังเป็นแรงกดดันอย่างหนักต่อตลาดการเงิน และยังไม่มี วี่แววว่าวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะคลี่คลายลง เราไม่คาดว่าเฟดจะหันมาใช้นโยบายการเงินแบบรัดกุม
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายอีธาน แฮร์ริส หัวหน้านักวิเคราะห์จากเลห์แมน บราเธอร์ส ออกมาคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งสัญญาณในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในคืนนี้ว่า เฟดจะหันไปจับตาดูประเด็นเงินเฟ้อมากกว่าประเด็นเศรษฐกิจถดถอยและภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ
ทั้งนี้ นายเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด และคณะกรรมการกำหนดนโยบายคนอื่นๆ ของเฟด หันมาจับตาดูสถานการณ์เงินเฟ้อหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเป็นสองเท่า และตัวเลขเงินเฟ้อทะยานขึ้นเหนือระดับ 4% อย่างไรก็ตาม คาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะไม่สูงขึ้นไปกว่านี้เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อและการขาดทุนอย่างหนักของธนาคารพาณิชย์
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นที่ 2.00% นับเป็นการสิ้นสุดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 20 ปีของเฟด
"เฟดกำลังจับตาดูความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น และคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย"
ด้านสำนักข่าวเอพี คาดการณ์ว่า แถลงการณ์ของเฟดหลังการประชุมจะเน้นถึงความเสี่ยงจากปัญหาเงินเฟ้อ แต่จะไม่ส่งสัญญาณถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนการประชุมรอบต่อไปในวันที่ 5 ส.ค. ที่จะถึงนี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนในตลาดวอลล์สตรีตและนักเศรษฐศาสตร์บางกลุ่มเชื่อว่า ปัญหาเงินเฟ้อจะกดดันให้เฟดเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือน ส.ค. หรือช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์อีก บางส่วนเชื่อว่าเฟดจะไม่พยายาม ขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเกรงว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะกระทบต่อวิกฤตการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์
นายจอห์น พราวีน นักวิเคราะห์จากพรูเดนเชียล อินเตอร์เนชันแนล กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี โดยระบุว่า อัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงอัตราจ้างงานที่ลดลง บวกกับเงินเฟ้อที่รุนแรง ยังเป็นแรงกดดันอย่างหนักต่อตลาดการเงิน และยังไม่มี วี่แววว่าวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะคลี่คลายลง เราไม่คาดว่าเฟดจะหันมาใช้นโยบายการเงินแบบรัดกุม