ผจก.ไอเอ็มเอฟ ระบุ วิกฤติการเงินอันเลวร้าย ได้ยุติลงแล้ว แต่ผลกระทบยังส่งผลต่อเนื่องอีกหลายเดือน ขณะที่ "เฟด" ยังผวาเชื้อในแบงก์พาณิชย์ปะทุ
วันนี้ (16 พ.ค.) นายโดมินิค สเตราส์-คาห์น ผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่าวิกฤติการเงินอันเลวร้ายได้ยุติลงแล้ว แม้ว่าผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมจะยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกหลายเดือนก็ตาม
นายสเตราห์-คานน์ ระบุว่า มีเหตุผลที่ดีที่ทำให้เชื่อได้ว่าเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินต่างๆ โดยเฉพาะในสหรัฐได้ผ่านพ้นไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม การประเมินเศรษฐกิจถดถอยก็ยังขึ้นกับการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงการประเมินสภาพเศรษฐกิจในอีกหลายๆ ไตรมาสด้วย
ทั้งนี้ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้เข้าสู่ภาวะชะลอตัว โดยส่งผลกระทบต่อหลายๆบริษัท อันเป็นผลมาจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของตลาดค้าบ้าน ซึ่งครอบคลุมถึงวิกฤติสินเชื่อที่ทำให้ธนาคารหลายแห่งระมัดระวังในการปล่อยกู้มากขึ้น
ด้านนายเบน เบอร์นันกี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาเรียกร้องธนาคารพาณิชย์ เร่งเสริมฐานะความแกร่งการเงินต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดกับเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ หลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตสินเชื่อ
โดยรายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า นายเบอร์นันกี กล่าวในงานสัมนาที่ชิคาโก้วานนี้ว่า สถาบันการเงินและบริษัทหลักทรัพย์ได้ชดเชยผลขาดทุนด้วยการเพิ่มทุนส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจไม่เพียงพอ ขณะเดียวกัน ได้เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่มากขึ้น
นอกจากนี้ นายเบอร์นันกี กล่าวว่า เฟดกำลังพิจารณาเสนอแนวทางการบริหารความเสี่ยงให้กับสถาบันการเงิน หลังฐานะการเงินตกต่ำลงจากวิกฤตซับไพร์ม
ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของนาย เบอร์นันกี ดังกล่าวเป็นการตอกย้ำว่า เฟดยังคงมองว่าสถานการณ์ตลาดเงินสหรัฐฯ ยังคงไม่กลับสู่ภาวะปกติ แม้ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์จะเพิ่มทุนรวมกันกว่า 244 พันล้านดอลลาร์แล้ว นับตั้งแต่เดือน ก.ค.ปีที่ผ่านมา
วันนี้ (16 พ.ค.) นายโดมินิค สเตราส์-คาห์น ผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่าวิกฤติการเงินอันเลวร้ายได้ยุติลงแล้ว แม้ว่าผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมจะยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกหลายเดือนก็ตาม
นายสเตราห์-คานน์ ระบุว่า มีเหตุผลที่ดีที่ทำให้เชื่อได้ว่าเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินต่างๆ โดยเฉพาะในสหรัฐได้ผ่านพ้นไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม การประเมินเศรษฐกิจถดถอยก็ยังขึ้นกับการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงการประเมินสภาพเศรษฐกิจในอีกหลายๆ ไตรมาสด้วย
ทั้งนี้ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้เข้าสู่ภาวะชะลอตัว โดยส่งผลกระทบต่อหลายๆบริษัท อันเป็นผลมาจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของตลาดค้าบ้าน ซึ่งครอบคลุมถึงวิกฤติสินเชื่อที่ทำให้ธนาคารหลายแห่งระมัดระวังในการปล่อยกู้มากขึ้น
ด้านนายเบน เบอร์นันกี ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาเรียกร้องธนาคารพาณิชย์ เร่งเสริมฐานะความแกร่งการเงินต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดกับเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ หลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตสินเชื่อ
โดยรายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า นายเบอร์นันกี กล่าวในงานสัมนาที่ชิคาโก้วานนี้ว่า สถาบันการเงินและบริษัทหลักทรัพย์ได้ชดเชยผลขาดทุนด้วยการเพิ่มทุนส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจไม่เพียงพอ ขณะเดียวกัน ได้เพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่มากขึ้น
นอกจากนี้ นายเบอร์นันกี กล่าวว่า เฟดกำลังพิจารณาเสนอแนวทางการบริหารความเสี่ยงให้กับสถาบันการเงิน หลังฐานะการเงินตกต่ำลงจากวิกฤตซับไพร์ม
ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของนาย เบอร์นันกี ดังกล่าวเป็นการตอกย้ำว่า เฟดยังคงมองว่าสถานการณ์ตลาดเงินสหรัฐฯ ยังคงไม่กลับสู่ภาวะปกติ แม้ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์จะเพิ่มทุนรวมกันกว่า 244 พันล้านดอลลาร์แล้ว นับตั้งแต่เดือน ก.ค.ปีที่ผ่านมา