เอเจนซี - เป็นครั้งที่ 2 แล้วในสัปดาห์นี้ที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่ก็ยังบอกว่าเฟดอาจรอดูไปสักพักก่อนว่ามีความจำเป็นจะต้องลดอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่
ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาซานฟรานซิสโก เจเน็ต เยลเลน กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (3) ว่า "เศรษฐกิจนั้นไม่ขยายตัวและอาจจะหดตัวลงในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้" เธอบอกต่อไปว่า ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่า การเติบโตเริ่มช้าลงอยู่ในระดับการคลานตั้งแต่ไตรมาสสี่ปีทีแล้วเป็นต้นมา พร้อมกันนั้น เฟดยังคงต้องรับมือกับ "วงจรสะท้อนกลับในทางลบ" ของภาวะสินเชื่อตึงตัว ราคาบ้านและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง
สิ่งเยลเลนพูดเป็นเสมือนหนึ่งเสียงสะท้อนของคำพูดของประธานเฟด เบน เบอร์นันกี ในการให้ปากคำเรื่องเศรษฐกิจกับรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (2) ซึ่งเขาบอกว่าเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และอีกประการหนึ่งที่ทั้งคู่กล่าวเหมือนกันก็คือ ไม่บ่งชี้ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกในระยะอันใกล้นี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
เยลเลน ทำนายด้วยว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังของปีเพราะฤทธิ์ของการลดอัตราดอกเบี้ยที่ติดๆ กันก่อนหน้านี้ และนโยบายทางการคลังของรัฐบาล
เธอยังบอกว่านักข่าวในเวลาต่อมาอีกว่า ทิศทางอนาคตของอัตราดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไรนั้นยังไม่มีความชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในครั้งหน้าซึ่งจะมีขึ้นสิ้นเดือนนี้ เพราะเฟดไม่ต้องการให้เกิดสถานการณ์เหมือนในช่วงทศวรรษ 1970 ที่การลดอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปส่งต่อค่าจ้างแรงงานที่พุ่งขึ้นอย่างแรง ขณะที่ตอนนั้นราคาพลังงานและอาหารขึ้นลิ่วอยู่เป็นเวลานาน