เฟดมีมติลดดอกเบี้ยลงอีก 0.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันพุธ (30) มาอยู่ที่ 3.0 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 8 วัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.5 เปอร์เซ็นต์ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเฟดได้สร้างความประหลาดใจด้วยการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตลาดโลกกำลังหวาดวิตกว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจกำลังประสบกับภาวะถดถอย
“ตลาดการเงินยังคงมีความตึงเครียด ขณะที่ยังต้องมีการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจบางประเภทรวมถึงภาคครัวเรือน นอกจากนี้ข้อมูลล่าสุดยังชี้ให้เห็นถึงภาวะหดตัวมากขึ้นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ตลาดแรงงานผ่อนคลายมากขึ้น” คณะกรรมการตลาดเปิดของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ระบุ
ทั้งนี้การประชุมดังกล่าว ซึ่งมีเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด เป็นประธาน ได้มีการลงมติด้วยคะแนนเสียง 9-1 ให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.5 เปอร์เซ็นต์ โดย 1 เสียงที่ยังคงยืนกรานไม่เห็นด้วย ได้แก่ ริชาร์ด ฟิเชอร์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส
“การดำเนินนโยบายในวันนี้ บวกกับการดำเนินนโยบายก่อนหน้านี้น่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ปานกลาง รวมถึงช่วยบรรเทาความเสี่ยงในเรื่องกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามความเสี่ยงอีกด้านหนึ่งที่อาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงมีอยู่ ซึ่งคณะกรรมการจะทำการประเมินผลกระทบด้านการเงิน และการพัฒนาด้านอื่นๆ ที่มีต่อทิศทางของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และจะดำเนินนโยบายเท่าที่จำเป็นเพื่อรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าว” แถลงการณ์ของเฟดระบุ
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนระหว่างธนาคาร จะช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ ลง รวมถึงยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซาของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครั้งเลวร้ายมากสุดในรอบหลายทศวรรษที่ลุกลามไปถึงภาคการเงิน
ทั้งนี้ในวันเดียวกัน (30) กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้ออกมารายงานตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วว่า โตขึ้น 0.6 เปอร์เซ็นต์ ท่ามกลางความหวาดวิตกเกี่ยวกับภาวะซบเซาของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการปล่อยสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกัน
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.5 เปอร์เซ็นต์ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเฟดได้สร้างความประหลาดใจด้วยการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตลาดโลกกำลังหวาดวิตกว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจกำลังประสบกับภาวะถดถอย
“ตลาดการเงินยังคงมีความตึงเครียด ขณะที่ยังต้องมีการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจบางประเภทรวมถึงภาคครัวเรือน นอกจากนี้ข้อมูลล่าสุดยังชี้ให้เห็นถึงภาวะหดตัวมากขึ้นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ตลาดแรงงานผ่อนคลายมากขึ้น” คณะกรรมการตลาดเปิดของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ระบุ
ทั้งนี้การประชุมดังกล่าว ซึ่งมีเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด เป็นประธาน ได้มีการลงมติด้วยคะแนนเสียง 9-1 ให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.5 เปอร์เซ็นต์ โดย 1 เสียงที่ยังคงยืนกรานไม่เห็นด้วย ได้แก่ ริชาร์ด ฟิเชอร์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส
“การดำเนินนโยบายในวันนี้ บวกกับการดำเนินนโยบายก่อนหน้านี้น่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ปานกลาง รวมถึงช่วยบรรเทาความเสี่ยงในเรื่องกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามความเสี่ยงอีกด้านหนึ่งที่อาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงมีอยู่ ซึ่งคณะกรรมการจะทำการประเมินผลกระทบด้านการเงิน และการพัฒนาด้านอื่นๆ ที่มีต่อทิศทางของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และจะดำเนินนโยบายเท่าที่จำเป็นเพื่อรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าว” แถลงการณ์ของเฟดระบุ
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนระหว่างธนาคาร จะช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมของผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ ลง รวมถึงยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซาของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครั้งเลวร้ายมากสุดในรอบหลายทศวรรษที่ลุกลามไปถึงภาคการเงิน
ทั้งนี้ในวันเดียวกัน (30) กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้ออกมารายงานตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วว่า โตขึ้น 0.6 เปอร์เซ็นต์ ท่ามกลางความหวาดวิตกเกี่ยวกับภาวะซบเซาของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการปล่อยสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกัน
