ASLโชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/51 พลิกจากขาดทุนเป็นมีกำไร 136.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 243.37 ล้านบาท คิดเป็น 227.49% เนื่องจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น ทั้งรายได้ค่านายหน้าและรายได้อื่นๆ ส่วนใหญ่มาจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย สวนทางกับค่าใช้จ่ายที่ลดล ขณะที่ความคืบหน้าการติดตามหนี้ในตั๋วแลกเงินยังอยู่ระหว่างการการพิจารณาของศาล โดยมีมูลค่ารวม 125.06 ล้านบาท
นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 (งบการเงินเฉพาะกิจการ) ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 136.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243.37 ล้านบาท หรือ 227.49% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 106.98 ล้านบาท เนื่องจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 234.02 ล้านบาท หรือ 317.62% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม 73.68 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ค่านายหน้าที่เพิ่มขึ้น 43.37 ล้านบาท หรือ 51.11% อยู่ที่ 128.22 ล้านบาท ตามปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น
เมื่อรวมกับรายได้อื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น 157.64 ล้านบาท หรือ 1,980.40% อยู่ที่ 165.6 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับชำระหนี้ตั๋วแลกเงินจากบจก.อู่เชิดชัยอุตสาหกรรม จำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าสำหรับตั๋วแลกเงินดังกล่าวแล้วในปี 49 รวมกับกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย 151.40 ล้านบาท และกำไรจากการขายทรัพย์สิน 4.16 ล้านบาท ขณะที่บริษัทขาดทุนจากการซื้อขายหลักทรัพย์ขาดทุนลดลง 35.07 ล้านบาท หรือ 62.25%
ทั้งนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายในไตรมาส 1/51 จำนวน 171.31 ล้านบาท ลดลง 9.35 ล้านบาท หรือ 5.18% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงินลดลง 3.43 ล้านบาท หรือ 83.05% ซึ่งเป็นผลจากในเดือนพฤศจิกายน 50 บริษัทได้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากบริษัทย่อยจำนวน 422 ล้านบาท ประกอบกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานลดลง 9.98 ล้านบาท หรือ 11.20% เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับปรุงและพัฒนาด้านการบริหารบุคลากรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นพร้อมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
สำหรับความคืบหน้าในการติดตามหนี้ในตั๋วแลกเงิน ในส่วนของบริษัท อู่เชิดชัยอุตสาหกรรม จำกัด อยู่ระหว่างการผ่อนชำระตามหนังสือรับสภาพหนี้ โดยมีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 31 มีนาคม 51 จำนวน 28 ล้านบาท ส่วนบริษัท บายพาสสแควร์ จำกัด และบริษัท วี มัลติ เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด มีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 31 มีนาคม 51 จำนวน 99.50 ล้านบาท และ 39.50 ล้านบาท ตามลำดับ โดยบริษัทได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งกับลูกหนี้และผู้ค้ำประกันทุกรายแล้ว ปัจจุบันคดีของ บริษัท บายพาสสแควร์ จำกัด อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลแพ่ง และ บริษัท วี มัลติ เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อยู่ระหว่างศาลนัดสืบพยานโจทก์และจำเลย
อย่างไรก็ดี บริษัทมีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 31 มีนาคม 51 ในส่วนลูกหนี้ของบริษัทที่ยังอยู่ในการพิจารณาของศาล 125.06 ล้านบาท และบริษัทได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญครบเต็มจำนวนแล้ว ขณะที่มีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 31 มีนาคม 51 ในส่วนลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระกับบริษัทและลูกหนี้พ้นกำหนดชำระ ซึ่งอยู่ระหว่างการผ่อนชำระและติดตามหนี้ของบริษัท 51.80 ล้านบาท โดยมีหลักประกันตามมูลค่าราคาตลาด 47.53 ล้านบาท และบริษัทได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญครบถ้วนเต็มจำนวนแล้ว
นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 (งบการเงินเฉพาะกิจการ) ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 136.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243.37 ล้านบาท หรือ 227.49% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 106.98 ล้านบาท เนื่องจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 234.02 ล้านบาท หรือ 317.62% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม 73.68 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ค่านายหน้าที่เพิ่มขึ้น 43.37 ล้านบาท หรือ 51.11% อยู่ที่ 128.22 ล้านบาท ตามปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น
เมื่อรวมกับรายได้อื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น 157.64 ล้านบาท หรือ 1,980.40% อยู่ที่ 165.6 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับชำระหนี้ตั๋วแลกเงินจากบจก.อู่เชิดชัยอุตสาหกรรม จำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าสำหรับตั๋วแลกเงินดังกล่าวแล้วในปี 49 รวมกับกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย 151.40 ล้านบาท และกำไรจากการขายทรัพย์สิน 4.16 ล้านบาท ขณะที่บริษัทขาดทุนจากการซื้อขายหลักทรัพย์ขาดทุนลดลง 35.07 ล้านบาท หรือ 62.25%
ทั้งนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายในไตรมาส 1/51 จำนวน 171.31 ล้านบาท ลดลง 9.35 ล้านบาท หรือ 5.18% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงินลดลง 3.43 ล้านบาท หรือ 83.05% ซึ่งเป็นผลจากในเดือนพฤศจิกายน 50 บริษัทได้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากบริษัทย่อยจำนวน 422 ล้านบาท ประกอบกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานลดลง 9.98 ล้านบาท หรือ 11.20% เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับปรุงและพัฒนาด้านการบริหารบุคลากรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นพร้อมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
สำหรับความคืบหน้าในการติดตามหนี้ในตั๋วแลกเงิน ในส่วนของบริษัท อู่เชิดชัยอุตสาหกรรม จำกัด อยู่ระหว่างการผ่อนชำระตามหนังสือรับสภาพหนี้ โดยมีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 31 มีนาคม 51 จำนวน 28 ล้านบาท ส่วนบริษัท บายพาสสแควร์ จำกัด และบริษัท วี มัลติ เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด มีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 31 มีนาคม 51 จำนวน 99.50 ล้านบาท และ 39.50 ล้านบาท ตามลำดับ โดยบริษัทได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งกับลูกหนี้และผู้ค้ำประกันทุกรายแล้ว ปัจจุบันคดีของ บริษัท บายพาสสแควร์ จำกัด อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลแพ่ง และ บริษัท วี มัลติ เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อยู่ระหว่างศาลนัดสืบพยานโจทก์และจำเลย
อย่างไรก็ดี บริษัทมีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 31 มีนาคม 51 ในส่วนลูกหนี้ของบริษัทที่ยังอยู่ในการพิจารณาของศาล 125.06 ล้านบาท และบริษัทได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญครบเต็มจำนวนแล้ว ขณะที่มีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 31 มีนาคม 51 ในส่วนลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระกับบริษัทและลูกหนี้พ้นกำหนดชำระ ซึ่งอยู่ระหว่างการผ่อนชำระและติดตามหนี้ของบริษัท 51.80 ล้านบาท โดยมีหลักประกันตามมูลค่าราคาตลาด 47.53 ล้านบาท และบริษัทได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญครบถ้วนเต็มจำนวนแล้ว