ธนาคารธนชาตเตรียมออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ มูลค่าไม่เกิน 5,000 ล้านบาท อายุ 7 ปี เพื่อนำเงินมาขยายฐานเงินกองทุนรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารฯ มีแผนจะออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิอายุ 7 ปี มูลค่าไม่เกิน 5,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายฐานเงินกองทุนของธนาคาร รองรับการขยายตัวทางธุรกิจของธนาคารได้ในอนาคต รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร โดยคาดว่าหุ้นกู้ชุดนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี อีกทั้งธนาคารเพิ่งได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและตั๋วแลกเงินจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เป็นระดับ “A+” จากเดิมที่ระดับ “A” อีกด้วย
ทั้งนี้ ทริส เรทติ้งให้เหตุผลในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตว่า ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น จากการที่มีกำไรสุทธิในปี 2550 เพิ่มสูงขึ้นถึง ร้อยละ 340 เมื่อเทียบกับของปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 225 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 991 ล้านบาท ในปี 2550 และยังเป็นกลุ่มธุรกิจทางการเงินครบวงจร ที่ได้ผสานความร่วมมือ ของทุกบริษัทในกลุ่มธนชาต ในการให้บริการทางด้านสินค้าและบริการ จากฐานลูกค้าของธนาคารเป็นหลัก ผ่านเครือข่ายสาขาที่มีเกือบ 180 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
รวมถึงการที่กลุ่มธนชาตได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ ธนาคารแห่งโนวาสโกเทีย เข้ามาถือหุ้น ในธนาคารธนชาต ร้อยละ 24.98 และจะถือหุ้นเพิ่มเป็น ร้อยละ 49 ต่อไป ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ และศักยภาพในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี รวมถึงการดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของธนาคาร ส่งผลให้ ธนาคารเป็นผู้นำในการทำธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์อย่างต่อเนื่อง
"การที่ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตของธนาคารธนชาตในครั้งนี้ ทำให้ธนาคาร มีความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น และสามารถช่วยสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนและผู้ฝากเงินที่มีต่อธนาคารธนชาต ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจุบันธนาคารอยู่ระหว่างการขยายธุรกิจ โดยตั้งเป้าจะเปิดสาขาใหม่ในปีนี้อีกประมาณ 80 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ ณ สิ้นปี 2551 คาดว่าธนาคารจะมีสาขาประมาณ 250 สาขา เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในการทำธุรกิจ และรองรับ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2551" นายศุภเดชกล่าว
นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารฯ มีแผนจะออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิอายุ 7 ปี มูลค่าไม่เกิน 5,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายฐานเงินกองทุนของธนาคาร รองรับการขยายตัวทางธุรกิจของธนาคารได้ในอนาคต รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร โดยคาดว่าหุ้นกู้ชุดนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี อีกทั้งธนาคารเพิ่งได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและตั๋วแลกเงินจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เป็นระดับ “A+” จากเดิมที่ระดับ “A” อีกด้วย
ทั้งนี้ ทริส เรทติ้งให้เหตุผลในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตว่า ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น จากการที่มีกำไรสุทธิในปี 2550 เพิ่มสูงขึ้นถึง ร้อยละ 340 เมื่อเทียบกับของปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 225 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 991 ล้านบาท ในปี 2550 และยังเป็นกลุ่มธุรกิจทางการเงินครบวงจร ที่ได้ผสานความร่วมมือ ของทุกบริษัทในกลุ่มธนชาต ในการให้บริการทางด้านสินค้าและบริการ จากฐานลูกค้าของธนาคารเป็นหลัก ผ่านเครือข่ายสาขาที่มีเกือบ 180 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
รวมถึงการที่กลุ่มธนชาตได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ ธนาคารแห่งโนวาสโกเทีย เข้ามาถือหุ้น ในธนาคารธนชาต ร้อยละ 24.98 และจะถือหุ้นเพิ่มเป็น ร้อยละ 49 ต่อไป ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ และศักยภาพในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี รวมถึงการดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของธนาคาร ส่งผลให้ ธนาคารเป็นผู้นำในการทำธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์อย่างต่อเนื่อง
"การที่ทริสเรทติ้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตของธนาคารธนชาตในครั้งนี้ ทำให้ธนาคาร มีความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น และสามารถช่วยสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุนและผู้ฝากเงินที่มีต่อธนาคารธนชาต ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจุบันธนาคารอยู่ระหว่างการขยายธุรกิจ โดยตั้งเป้าจะเปิดสาขาใหม่ในปีนี้อีกประมาณ 80 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ ณ สิ้นปี 2551 คาดว่าธนาคารจะมีสาขาประมาณ 250 สาขา เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในการทำธุรกิจ และรองรับ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2551" นายศุภเดชกล่าว
