xs
xsm
sm
md
lg

"ธนชาต"เปิดแผน3ปีโกอินเตอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การดำเนินธุรกิจของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)(TBANK) เป็นที่จับตามองหลังจากที่ Scotia Bank เข้ามาถือหุ้นของธนาคารธนชาต ในสัดส่วน 24.9% ตั้งแต่ปลายปีก่อน และขณะนี้ระยะเวลาผ่านมา 6 เดือน และเป็นช่วงได้มีการนำระบบการทำงานที่ Scotia Bank มีความเชี่ยวชาญเข้ามาจนทำให้เกิดการพัฒนาในหลายด้าน โดยนายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารธนชาต ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นความร่วมมือกับ Scotia Bank และแผนงานในช่วง 3 ปี (2551-2553) ว่าจะไปในทิศทางใด

แผนการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้เป็นอย่างไร

หลังจากมี Scotia Bank เข้ามาถือหุ้นซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 24.9% และจะเพิ่มเป็น 49% ในช่วงปลายปี ซึ่งตอนนี้ขั้นตอนอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งหาก ธปท.อนุมัติแล้วเราก็จะเป็นธนาคารลูกครึ่งแบบเต็มตัว ทำให้เป้าหมายการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปี เราก็คาดหวังว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านของสินทรัพย์เพิ่มมาอยู่ที่ 6% จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 4% หรือเป็นเม็ดเงินประมาณ 500,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีอยู่กว่า 300,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเติบโตขึ้นประมาณปีละ 15% และจะเพิ่มสาขาที่มีอยู่ 160 สาขา ให้เป็น 240 สาขาในสิ้นปี และใน 3 ปีจะอยู่ที่ 430 สาขา ซึ่งเป็นส่วนที่นำมารองรับการเปิดสถาบันคุ้มครองเงินฝาก

อีกทั้งเราจะเปลี่ยนอิมเมจตัวเองจากเดิมที่เคยเป็นธนาคารสำหรับลูกค้ารายย่อยที่แข็งแกร่ง ให้กลายเป็น International Bank มากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ให้ความสำคัญกับลูกค้าในประเทศ โดยลูกค้าในประเทศจะยังเป็นลูกค้าหลัก แต่ส่วนที่เป็นระดับ International จะให้ทาง Scotia Bank เป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจาก Scotia Bank มีความชำนาญในการให้บริการกับลูกค้ารายขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาการมีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก โดยที่ผ่านมาการทำธุรกิจรายใหญ่ของธนชาตแทบจะไม่มีการเติบโตเลย เช่น เทรดไฟแนนซ์ เพราะไม่มีเครื่องมือ แต่จากนี้ไปก็จะมีการทำตลาดส่วนนี้ให้มากขึ้น

ตั้งเป้าจะอยู่จุดไหนในระบบธนาคารพาณิชย์

จากเป้าหมายที่จะขยายขนาดสินทรัพย์ทำให้เชื่อว่าเราน่าจะไล่เข้ามาอยู่ในกลุ่มธนาคารขนาดกลาง โดยน่าจะเทียบกับ ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย แต่หากให้เทียบกับธนาคารขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่งคงเป็นเรื่องที่ยาก เพราะในกลุ่มขนาดใหญ่นั้นอันดับ 1 มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่สูงถึง 16%

สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อเป็นอย่างไร

ปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อของธนาคาร 80% เป็นสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อเอสเอ็มอี 5% สินเชื่อรายใหญ่ 10% ที่เหลืออีก 5% เป็นสินเชื่อรายย่อย เช่น สินเชื่อบ้าน เป็นต้น แต่จากแผน 3 ปีนั้นสัดส่วนเหล่านี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยสินเชื่อเช่าซื้อจะลดลงมาอยู่ที่ 60-65% ซึ่งเป็นผลจากการที่ฐานลูกค้าที่มีมากขึ้น สินเชื่อเอสเอ็มอีจะเพิ่มมาอยู่ที่ 10% สินเชื่อรายใหญ่ 15-20% และสินเชื่อรายย่อยจะอยู่ที่ 10-15% ส่วนการปล่อยสินเชื่อในโครงการเมกะโปรเจกส์ก็คงทำให้เรามีโอกาสมากขึ้นจากการที่ได้ Scotia Bank เข้าร่วมโดยส่วนที่เป็นลูกค้าของแคนาดาก็น่าจะมาหาเราทั้งหมด

สำหรับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS) ตอนนี้อยู่ที่กว่า 12% หากมีการหุ้นกู้เพิ่มอีก 5,000 ล้านบาท จะทำให้เงินกองทุนขั้นที่ 2 เพิ่มมาอยู่ที่ 7,000-8,000 ล้านบาท จะBIS จะเพิ่มมาอยู่ที่กว่า 13% ซึ่งถือว่ามีความเพียงพอต่อการขยายธุรกิจได้มาก

ประเมินROEไว้อย่างไรบ้าง

การลงทุนของ Scotia Bank ในแต่ละประเทศนั้นส่วนใหญ่จะได้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) จะได้รับอยู่ที่ประมาณ 20% แต่ค่าเฉลี่ยของประเทศในแถบเอเชียปี 2549 จะอยู่ที่ประมาณ 16% แต่ในส่วนของธนาคารธนชาตนั้นเราคาดว่าปีนี้จะทำได้อยู่ที่ 12-15% บนสมมุติฐานว่าเศรษฐกิจไม่ได้ล้มเหลว และมีการขยายตัวอยู่ที่ 4-5% โดยทาง ธปท.มีการควบคุมการเงินที่ดี ก็ถือว่าเป็นจำนวนที่ทาง Scotia Bank พอใจในขณะนี้ แต่ในระยะยาวก็อยากให้ส่วนธุรกิจที่ลงทุนทำได้ 20% ก็คงจะค่อย ๆ มีการขยับขึ้นไป

มองการแข่งขันของธุรกิจธนาคารอย่างไร

จากการที่สภาพคล่องในตลาดนั้นยังมีอยู่ในจำนวนที่ค่อนข้างสูงหรือประมาณ 900,000 ล้านบาท คงจะเป็นส่วนที่ทำให้การแข่งขันของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในด้านของเงินฝากไม่น่าจะมีมากนัก เนื่องจากทำแล้วได้กำไรไม่มาก แต่ในส่วนของการปล่อยสินเชื่อน่าจะยังคงดุเดือด ซึ่งสินเชื่อรายใหญ่ก็มีการแข่งขันดุเดือด แต่สินเชื่อรายย่อยคงจะไม่สามารถแข่งเรื่องของกาตัดราคาหรืออัตราดอกเบี้ยได้มาก จึงทำให้การแข่งขันคงจะหันไปที่ด้านของการให้บริการมากขึ้น

แผนทำบัตรเครดิตคืบหน้าไปแค่ไหน"

ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทำงานซึ่ง Scotia Bank เป็นผู้ดูแลอยู่ แต่เชื่อว่าน่าจะสามารถเปิดตัวได้ในปลายปีนี้ โดยในเบื้องต้นนี้คาดว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอให้เฉพาะลูกค้าเดิมของธนาคารซึ่งมีอยู่ประมาณ 1,000,000 ราย ก่อน ซึ่งจากการสำรวจพบว่าลูกค้า 80% ยังไม่มีบัตรเครดิต แต่อีก 20% นั้นถืออยู่หลายใบ โดยลูกค้า 80% ที่ยังไม่มีบัตรเครดิตเนื่องจากเป็นกลุ่มที่ไม่ได้มีเงินเดือนผ่านธนาคาร หรือพูดง่าย ๆ ว่าลูกค้าส่วนใหญ่ทำงานค้าขายและอยู่ในต่างจังหวัด แต่รายได้นั้นเกินเกณฑ์ขั้นต่ำอยู่แล้ว และเป็นลูกค้าคุณภาพดี โดยในอนาคตผลิตภัณฑ์นี้จะเป็นตัวที่เราขายพ่วงไปกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ของธนาคารซึ่งเป็นหนึ่งในแผนงานที่เราได้ตั้งวางไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น