xs
xsm
sm
md
lg

TMB แย้มลดพาร์ล้างขาดทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประชุมผู้ถือหุ้น"ทหารไทย"ถกประเด็นล้างขาดทุน อาจใช้วิธีลดพาร์ แต่ต้องพิจารณาโดยละเอียดอีกครั้ง พร้อมยัน"สุภัค"พ้นตำแหน่งเอ็มดีไม่เกิน 30 กันยาฯแน่ เว้นแต่สรรหาคนใหม่ได้ก่อน ด้าน"กรุงไทย"ประชุมราบรื่น ผู้ถือหุ้นไม่ข้องใจการลงทุนในซีดีโอ ด้านนายแบงก์เคลียร์หากถือครบกำหนดได้กำไรแน่นอน ด้านเอ็นพีแอลที่สูงกว่าแบงก์อื่นเป็นส่วนที่เกิดจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวถึงการประชุมผู้ถือหุ้นของธนาคารเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติเห็นชอบในการขอวงเงินออกหุ้นกู้จำนวนไม่เกิน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากธนาคารมีแผนขยายธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการขยายสินเชื่อ จึงทำให้มีความต้องการระดมเงินทุนในการออกหุ้นกู้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ วงเงินการออกหุ้นดังกล่าว เป็นส่วนของวงเงินที่ขอไว้ในการประชุมผู้ถือหุ้นปีก่อน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้ขอเพิ่มอีกในปีนี้อีก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการลาออกของนายสุภัค ศิวรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ที่ได้ยื่นหนังสือลาออกเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมานั้น จะมีผลภายในวันที่ 30 กันยายน ซึ่งเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของธนาคารที่ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ หากมีการเปลี่ยนแปลงต้องมีการแจ้งก่อน 6 เดือน แต่ถ้าหากธนาคารสามารถสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งแทนได้การลาออกก็สามารถมีผลก่อนกำหนดได้

ด้านนายสุภัค ศิวรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)(TMB) กล่าวว่า ในเบื้องต้นธนาคารยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนถึงวิธีที่ล้างขาดทุนสะสมของธนาคารที่มีอยู่จำนวนกว่า 100,000 ล้านบาท แต่อาจจะใช้วิธีการลดพาร์ที่ปัจจุบันอยู่ระดับ 10 บาทลง ซึ่งในเรื่องดังกล่าวจะต้องนำเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาต่อไป

**ผู้ถือหุ้นKTBไม่ติดใจซีดีโอ**

วานนี้ (25 เม.ย.) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ได้จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ครั้งที่ 15 ที่โรงแรมแลนด์มาร์คกรุงเทพ โดยบรรยากาศในการประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งประเด็นที่ผู้ถือหุ้นให้ความสนใจได้แก่ ประเด็นการลงทุนการในตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่มีสินทรัพย์อ้างอิง (ซีดีโอ) และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ว่า ธนาคารได้มีการลงทุนในซีดีโอ เป็นเม็ดเงิน 160 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท และไม่ได้เป็นการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (ซับไพรม์) โดยปัจจุบันธนาคารได้มีการตั้งสำรองไปแล้วประมาณ 3,000 ล้านบาท และคาดว่าเป็นระดับที่เพียงพอกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าด้วยนโยบายการถือครองตราสารจนครบกำหนดซึ่งเป็นเวลา 6-7 ปีนั้น จะทำให้เงินที่ลงทุนไปรวมถึงเงินที่ตั้งสำรองไปแล้วจะกลับเข้ามาเป็นกำไรได้

สำหรับเอ็นพีแอลของธนาคารซึ่งหากเปรียบเทียบกับธนาคารแห่งอื่นแล้วถือว่าอยู่ในระดับที่สูงนั้น เกิดจากธนาคารไม่ได้ทำการโอนสินทรัพย์ไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เหมือนเช่นที่ธนาคารแห่งอื่นทำ อีกทั้งยังมาจากการที่ธนาคารมีบทบาทในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ธนาคารแห่งอื่นไม่ปล่อยสินเชื่อ ทำให้ธนาคารมีลูกค้าที่มีปัญหาเข้ามาบ้าง ซึ่งจำนวนเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีอยู่ไม่ถึง 1% แต่ที่เห็นในสิ้นปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 6.89% นั้นเป็นเอ็นพีแอลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ

อีกทั้ง เอ็นพีแอลของธนาคารส่วนใหญ่จะมีหลักประกันสูงทำให้เมื่อให้หลักการของ IAS 39 ซึ่งจะมีการหักค่าหลักประกัน ทำให้ธนาคารต้องมีการสำรองสูงตามไปด้วยเมื่อเทียบกับธนาคารแห่งอื่น โดยในปีก่อนธนาคารได้มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอยู่ที่ 19,500 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิเหลืออยู่ประมาณ 6,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ในที่ประชุมยังได้ซักถามถึงค่าใช้จ่ายของพนักงานซึ่งมีเพิ่มสูงขึ้น นายอภิศักดิ์ ได้กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายของพนักงานที่สูงขึ้นเนื่องจากธนาคารได้มีการาขยายธุรกิจ โดยได้มีการขยายศูนย์การให้บริการ ขยายสาขา รวมถึงเพิ่มพนักงานอีก 665 คน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจและทดแทนพนักงานที่เกษียณอายุออกไป รวมถึง ได้มีการเพิ่มจำนวนเครื่องเอทีเอ็มจาก 2 ปีก่อนที่มีอยู่ 1,000 เครื่อง มาเป็น 5,000 เครื่อง เพื่อลดการขาดดุลจากที่ลูกค้าไปกดเอทีเอ็มของธนาคารแห่งอื่น แต่จากการเพิ่มจำนวนเครื่องเอทีเอ็มนั้นทำให้การขาดดุลดังกล่าวเริ่มกลับมาเป็นบวกแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น