SHIN ยอมจ่ายค่าปรับ 1.6 ล้านบาทในปีแรก ให้ ตลท. หลังไม่สามารถหาแนวทางแก้ปัญหาฟรีโฟลทได้ เริ่มจ่ายพฤษภาคมนี้ ผู้บริหารระบุผู้ถือหุ้นมีความคิดการกะจายหุ้น แต่ยังติดปัญหาบางอย่าง ส่วนแผนงานปีนี้เน้นธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคม พร้อมเล็งช่องทางลงทุนธุรกิจใหม่
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SHIN) กล่าวว่า บริษัทยังหาแนวทางการแก้ปัญหาฟรีโฟลท (Free float) ไม่ได้ ดังนั้นบริษัทจะยอมเสียค่าปรับ 1.6 ล้านบาทในปีแรก และจะเพิ่มจำนวนขึ้นในปีต่อไป ให้แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยจะเริ่มจ่ายในเดือนพฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ ในอดีตผู้ถือหุ้นใหญ่มีความต้องการที่จะกระจายหุ้นเพื่อให้ฟรีโฟลทมากขึ้น แต่อาจติดขัดปัญหาบางอย่างทำให้ปัจจุบันยังไม่ได้มีการกระจายหุ้นออกมา ซึ่งเรื่องทั้งหมดคงต้องอยู่ที่การดำเนินการของผู้ถือหุ้น ขณะที่คณะกรรมการมีหน้าที่เพียงดูแลการบริหารงานของบริษัทเท่านั้น
โดย ณ วันที่ 17 มกราคม 51 บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นดังนี้ บจ.แอสเพน โฮลดิ้งส์ (Temasek Holdings) 41.73% และ บจ.ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ 54.50% ซึ่งถือหุ้นโดยบจ.กุหลาบแก้ว 45.22% บจ.ไซเพรส โฮลดิ้งส์ (Temasek Holdings) 48.99% และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 5.78%
สำหรับแผนธุรกิจปี 51 บริษัทจะเน้นและให้ความสำคัญกับธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคมเป็นหลัก เนื่องจากธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคมเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทมาโดยตลอด ขณะเดียวกันยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจสื่อด้วยเช่นกัน โดยมองว่าธุรกิจนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้ดีในอนาคต รวมถึงเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่มบริษัท
นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่สนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยมีทีมงานที่รับผิดชอบทำการศึกษาและนำเสนอข้อมูลต่อที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่มีข้อสรุปและที่ศึกษาอยู่ก็มีหลายอย่าง ในส่วนของแนวทางการดำเนินการ หากเป็นธุรกิจใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน จะตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา แต่หากเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมที่บริษัทมีอยู่คงดำเนินการผ่านบริษัทในกลุ่มของบริษัท
ขณะที่ผลการดำเนินงานประจำปี 50 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 22,829 ล้านบาท ลดลงจากปี 49 เล็กน้อย และมีผลกำไรสุทธิ 960 ล้านบาท ลดลงจากปี 49 ลดลง 71.8% อันเป็นผลจากการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ภายใต้สัญญาเข้าร่วมงานของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) (ITV) เนื่องจากการถูกบอกเลิกสัญญาฯ รวมทั้งผลขาดทุนจากการขายเงินลงทุนในบริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด (OK)
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SHIN) กล่าวว่า บริษัทยังหาแนวทางการแก้ปัญหาฟรีโฟลท (Free float) ไม่ได้ ดังนั้นบริษัทจะยอมเสียค่าปรับ 1.6 ล้านบาทในปีแรก และจะเพิ่มจำนวนขึ้นในปีต่อไป ให้แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยจะเริ่มจ่ายในเดือนพฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ ในอดีตผู้ถือหุ้นใหญ่มีความต้องการที่จะกระจายหุ้นเพื่อให้ฟรีโฟลทมากขึ้น แต่อาจติดขัดปัญหาบางอย่างทำให้ปัจจุบันยังไม่ได้มีการกระจายหุ้นออกมา ซึ่งเรื่องทั้งหมดคงต้องอยู่ที่การดำเนินการของผู้ถือหุ้น ขณะที่คณะกรรมการมีหน้าที่เพียงดูแลการบริหารงานของบริษัทเท่านั้น
โดย ณ วันที่ 17 มกราคม 51 บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นดังนี้ บจ.แอสเพน โฮลดิ้งส์ (Temasek Holdings) 41.73% และ บจ.ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ 54.50% ซึ่งถือหุ้นโดยบจ.กุหลาบแก้ว 45.22% บจ.ไซเพรส โฮลดิ้งส์ (Temasek Holdings) 48.99% และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 5.78%
สำหรับแผนธุรกิจปี 51 บริษัทจะเน้นและให้ความสำคัญกับธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคมเป็นหลัก เนื่องจากธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคมเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทมาโดยตลอด ขณะเดียวกันยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจสื่อด้วยเช่นกัน โดยมองว่าธุรกิจนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้ดีในอนาคต รวมถึงเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่มบริษัท
นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่สนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยมีทีมงานที่รับผิดชอบทำการศึกษาและนำเสนอข้อมูลต่อที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเห็นชอบ ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่มีข้อสรุปและที่ศึกษาอยู่ก็มีหลายอย่าง ในส่วนของแนวทางการดำเนินการ หากเป็นธุรกิจใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน จะตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา แต่หากเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมที่บริษัทมีอยู่คงดำเนินการผ่านบริษัทในกลุ่มของบริษัท
ขณะที่ผลการดำเนินงานประจำปี 50 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 22,829 ล้านบาท ลดลงจากปี 49 เล็กน้อย และมีผลกำไรสุทธิ 960 ล้านบาท ลดลงจากปี 49 ลดลง 71.8% อันเป็นผลจากการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ภายใต้สัญญาเข้าร่วมงานของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) (ITV) เนื่องจากการถูกบอกเลิกสัญญาฯ รวมทั้งผลขาดทุนจากการขายเงินลงทุนในบริษัท แคปปิตอล โอเค จำกัด (OK)