xs
xsm
sm
md
lg

โกลบอลฯหั่นเป้ารายได้รับพิษศก. เร่งปรับสัดส่วนการผลิตเพิ่มกำไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ลดลง หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือ 3.5-3.6 พันล้นบาท จากเดิม 3.8 พันล้านบาท ผู้บริหารหวังธุรกิจจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสแรกปีหน้า พร้อมประกาศปรับแผนธุรกิจเน้นเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์กล่มพลาสติกวิศวกรรมพิเศษ-เคมีภัณฑ์พิเศษเป็น 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ไม่เกิน 30% เหตุอัตรากำไรขั้นต้นสูง

นายสมชาย คุลีเมฆิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GC  กล่าวว่า บริษัทประเมินรายได้ในปี 2551 จะปรับลดลงเหลือ 3.5-3.6 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 3.8 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิปรับตัวลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้เนื่องจากสินค้าพลาสติกโภคภัณฑ์เฉลี่ยต่อหน่วยปรับตัวลดลงประมาณ 30-70% สอดคล้องกับทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันที่ปรับลง รวมถึงลูกค้ามีการสต็อกสินค้าลดลง จากราคาสิ้นค้าที่ยังคงผันผวน

โดยไตรมาส 4/51 บริษัทคาดรายได้จะชะลอตัวลงจากไตรมาส 3/51 ที่ผ่านมา จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับลดลง ทำให้ราคาต่อหน่วยของสินค้าบางชนิดปรับลดลงอย่างแรงจาก 82 บาทต่อกิโลกรัม เหลือ 28 บาทต่อกิโลกรัม ตลอดจนลูกค้ามีการสต็อกสินค้าลดลง

“ปัญหาภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลให้อุตสาหกรรมหลายประเภทชะลอตัวเช่นกัน เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท ทำให้บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการขยายตัวของรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน”

จากปัญหาที่เกิดขึ้นบริษัทได้มีการปรับแผนธุรกิจใหม่ โดยจะเน้นเพิ่มสัดส่วนของรายได้ในกลุ่มพลาสติกวิศวกรรมพิเศษที่ปัจจุบันมีสัดส่วนการผลิตอยู่ 20-22% กลุ่มเคมีภัณฑ์พิเศษ 5-8% และสินค้าพลาสติกโภคภัณฑ์ 70% ซึ่งในระยะกลางถึงระยะยาวจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตในสินค้าพลาสติกและเคมีภัณฑ์พิเศษในอีก 2-3 ปีข้างหน้าให้เป็น 50% เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 8-12% และเป็นสัดส่วนของรายได้ทั้งหมดประมาณ 60% และลดสัดส่วนการผลิตสินค้าพลาสติกโภคภัณฑ์ให้เหลือประมาณ 50-60% เพราะมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 3-4%

นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทคาดการณ์ธุรกิจจะเริ่มดีขึ้นช่วงไตรมาส 1 ปี 2552 หรือหลังช่วงเทศการตรุษจีน โดยสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ ช่วงเปลี่ยนถ่ายราคาจากขาขึ้นเป็นขาลง ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนจะปรับลดสต๊อกสิ้นค้าในปีหน้าลง และระมัดระวังการบริหารการเงิน ทั้งนี้ต้องรอประเมินอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าของบริษัทจะเป็นไปในทิศทางใด ก่อนพิจารณาจะว่ามีการลดสต๊อกมากน้อยเพียงใด

สำหรับราคาหุ้นบนกระดานซื้อขายที่หุ้นละ 2.76 บาท นั้น นายสมชาย กล่าวว่า เป็นราคาที่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แต่ถือเป็นราคาหุ้นที่ปรับลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก และภาพรวมของตลาดหุ้นไทย โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีอัตราการจ่ายปันผลสูงอยู่ในอับดับที่ 11 จากการจัดอันดับของบริษัทจดทะเบียนภายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น