ไทยประกันชีวิตโชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก กวาดเบี้ยรับรวมกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ชี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กระตุ้นคนสนใจออมเงินมากขึ้น เปิดขายธนรักษ์ SET50 รอบใหม่รองรับ คาดครึ่งปีหลังยังขยายตัวต่อเนื่อง
นายอภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2551 ว่า บริษัทสามารถผลิตเบี้ยประกันรับรวมได้ 1.43 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันรับที่เกิดจากธุรกิจใหม่ 3,378 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเบี้ยประกันรับปีแรก (รวมเบี้ยประกันชำระครั้งเดียวตามสัดส่วน) จากช่องทางตัวแทน 2,705 ล้านบาท เติบโต 10% จากช่องทางการขายอื่นๆ เช่น เทเลมาร์เก็ตติ้ง ไดเร็กเซลล์ เวิร์กไซต์มาร์เก็ตติ้ง 621.7 ล้านบาท เติบโตกว่า 100% และเบี้ยประกันรับปีต่อไป 10,114 ล้านบาท
แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่ธุรกิจประกันชีวิตยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่มั่นใจในสถานการณ์เศรษฐกิจ ส่งผลให้คนออมเงินเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนจากกรมธรรม์ประกันชีวิต ยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ กลายเป็นทางเลือกสำหรับผู้ออมเงิน
โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนากรมธรรม์เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้าระดับบนและระดับรากแก้ว อาทิ กรมธรรม์คุ้มทุน กรมธรรม์ธนรักษ์ SET50 และกรมธรรม์คุ้มทรัพย์ คุ้มครองโรคร้ายแรง เป็นต้น
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทได้เปิดขายกรมธรรม์ธนรักษ์ SET50 รอบที่สาม ตั้งแต่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยกรมธรรม์ดังกล่าวเป็นกรมธรรม์แบบชำระเบี้ยครั้งเดียว ระยะเวลาคุ้มครอง 5 ปี โดยจ่ายเงินปันผลอ้างอิงจากดัชนี SET50 สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ต้องการเพิ่มทางเลือกในการลงทุน และต้องการผลตอบแทนสูง ขณะเดียวกันไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยง เนื่องจากการันตีเงินต้น
กรมธรรม์ธนรักษ์ SET50 ให้ผลประโยชน์กรณีครบสัญญาได้รับทุนประกัน พร้อมเงินปันผลโดยอิงดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้เอาประกันได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามการเติบโตของตลาดหุ้นของ 50 บริษัทจดทะเบียน และได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่ามีความมั่นคงสูงทั้งในด้านของมูลค่าหุ้นและสภาพคล่อง กรณีเสียชีวิตเลือกรับความคุ้มครอง 102% ของทุนประกัน หรือทุนประกันบวกเงินปันผล
“การคำนวณผลตอบแทนระหว่างสัญญา บริษัทฯ จะคำนวณผลตอบแทนในแต่ละไตรมาส โดยคำนวณจากดัชนี SET50 ณ วันสิ้นสุดไตรมาส เทียบกับดัชนี ณ วันเริ่มต้นใช้อ้างอิงตามที่ระบุในกรมธรรม์ ในการจ่ายเงินปันผลเมื่อครบสัญญา บริษัทฯ จะนำผลตอบแทนในแต่ละไตรมาสหาค่าเฉลี่ยผลตอบแทนตลอดอายุสัญญา” นายอภิรักษ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากตลาดหุ้นเกิดความผันผวน และส่งผลให้ดัชนี SET50 ตลอดระยะเวลา 5 ปี ต่ำกว่าดัชนีของวันที่ใช้อ้างอิงเมื่อเริ่มต้นสัญญา บริษัทจะจ่ายเงินเอาประกันไม่ต่ำกว่าเบี้ยประกันที่ชำระไว้
“ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทคาดว่าจะพัฒนากรมธรรม์ใหม่ประมาณ 2-3 กรมธรรม์ เพื่อขยายตลาด โดยเฉพาะตลาดภูมิภาคซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยประกันชีวิต ซึ่งนอกจากจะพัฒนากรมธรรม์ใหม่แล้ว บริษัทยังได้จัดกิจกรรมรีครูทตัวแทนควบคู่อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ขยายตัวต่อเนื่อง” นายอภิรักษ์กล่าว
นายอภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2551 ว่า บริษัทสามารถผลิตเบี้ยประกันรับรวมได้ 1.43 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันรับที่เกิดจากธุรกิจใหม่ 3,378 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเบี้ยประกันรับปีแรก (รวมเบี้ยประกันชำระครั้งเดียวตามสัดส่วน) จากช่องทางตัวแทน 2,705 ล้านบาท เติบโต 10% จากช่องทางการขายอื่นๆ เช่น เทเลมาร์เก็ตติ้ง ไดเร็กเซลล์ เวิร์กไซต์มาร์เก็ตติ้ง 621.7 ล้านบาท เติบโตกว่า 100% และเบี้ยประกันรับปีต่อไป 10,114 ล้านบาท
แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่ธุรกิจประกันชีวิตยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่มั่นใจในสถานการณ์เศรษฐกิจ ส่งผลให้คนออมเงินเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนจากกรมธรรม์ประกันชีวิต ยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ กลายเป็นทางเลือกสำหรับผู้ออมเงิน
โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนากรมธรรม์เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้าระดับบนและระดับรากแก้ว อาทิ กรมธรรม์คุ้มทุน กรมธรรม์ธนรักษ์ SET50 และกรมธรรม์คุ้มทรัพย์ คุ้มครองโรคร้ายแรง เป็นต้น
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทได้เปิดขายกรมธรรม์ธนรักษ์ SET50 รอบที่สาม ตั้งแต่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยกรมธรรม์ดังกล่าวเป็นกรมธรรม์แบบชำระเบี้ยครั้งเดียว ระยะเวลาคุ้มครอง 5 ปี โดยจ่ายเงินปันผลอ้างอิงจากดัชนี SET50 สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ต้องการเพิ่มทางเลือกในการลงทุน และต้องการผลตอบแทนสูง ขณะเดียวกันไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยง เนื่องจากการันตีเงินต้น
กรมธรรม์ธนรักษ์ SET50 ให้ผลประโยชน์กรณีครบสัญญาได้รับทุนประกัน พร้อมเงินปันผลโดยอิงดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้เอาประกันได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามการเติบโตของตลาดหุ้นของ 50 บริษัทจดทะเบียน และได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่ามีความมั่นคงสูงทั้งในด้านของมูลค่าหุ้นและสภาพคล่อง กรณีเสียชีวิตเลือกรับความคุ้มครอง 102% ของทุนประกัน หรือทุนประกันบวกเงินปันผล
“การคำนวณผลตอบแทนระหว่างสัญญา บริษัทฯ จะคำนวณผลตอบแทนในแต่ละไตรมาส โดยคำนวณจากดัชนี SET50 ณ วันสิ้นสุดไตรมาส เทียบกับดัชนี ณ วันเริ่มต้นใช้อ้างอิงตามที่ระบุในกรมธรรม์ ในการจ่ายเงินปันผลเมื่อครบสัญญา บริษัทฯ จะนำผลตอบแทนในแต่ละไตรมาสหาค่าเฉลี่ยผลตอบแทนตลอดอายุสัญญา” นายอภิรักษ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากตลาดหุ้นเกิดความผันผวน และส่งผลให้ดัชนี SET50 ตลอดระยะเวลา 5 ปี ต่ำกว่าดัชนีของวันที่ใช้อ้างอิงเมื่อเริ่มต้นสัญญา บริษัทจะจ่ายเงินเอาประกันไม่ต่ำกว่าเบี้ยประกันที่ชำระไว้
“ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทคาดว่าจะพัฒนากรมธรรม์ใหม่ประมาณ 2-3 กรมธรรม์ เพื่อขยายตลาด โดยเฉพาะตลาดภูมิภาคซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยประกันชีวิต ซึ่งนอกจากจะพัฒนากรมธรรม์ใหม่แล้ว บริษัทยังได้จัดกิจกรรมรีครูทตัวแทนควบคู่อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ขยายตัวต่อเนื่อง” นายอภิรักษ์กล่าว
