xs
xsm
sm
md
lg

SCNYL ปลื้มกำไร Q1 โต 74%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์โชว์ผลงานไตรมาสแรกกำไรโต 74% สวนกระแสเศรษฐกิจผันผวน ขณะที่ยอดขาย 4 เดือนยังโตสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ พร้อมขยับอันดับ 6 มาอยู่อันดับ 3 เมื่อวัดจากเบี้ยรับรวม และมีมาเก็ตแชร์เพิ่มเป็น 7.5%จากเดิม 6%

นายโดนอลด์ คาร์ดีน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCNYL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกปีนี้มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิรวม 324.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้เพียง 186 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 4.88 บาท เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 2.80 บาท ส่วนรายได้รวมเติบโต 20.41% เป็น 4,139 ล้านบาท ขณะที่สินทรัพย์รวมขยับเพิ่ม 10.64% จาก 28,051 ล้านบาท เป็น 31,036 ล้านบาท และมีกำไรจากการลงทุนสิทธิ 88.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 33.83%

"เราพอใจมากที่บริษัทสามารถบริหารงานได้ตามเป้าหมาย และรักษาอัตราเติบโตด้านกำไรได้โดดเด่นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งในไตรมาสแรกปีนี้ ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์สามารถทำกำไรได้สูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มธุรกิจประกันภัยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์”

สำหรับยอดขายในมกราคม-เมษายนปีนี้ ก็มีทิศทางการเติบโตที่ดีเช่นกัน โดยมีเบี้ยปีแรกจากทุกช่องทางการจำหน่ายทั้งสิ้น 2,255 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 14% โดยช่องทางตัวแทน ขยายตลาดได้ดีเกินความคาดหมาย ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการรุกหนักรีครูทตัวแทนใหม่ และเพิ่มผลผลิตต่อหัวของตัวแทนทุกระดับทั่วประเทศ พร้อมกับการขยายสาขาใหม่ๆเพิ่มอีก 3 แห่ง เพื่อสนับสนุนให้ตัวแทนบุกเบิกตลาดใหม่ๆได้ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้ช่องทางตัวแทนเติบโตก้าวกระโดดถึง 60% ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของตลาดโดยรวม ขณะที่ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดนั้น ยังรักษาการเติบโตได้เช่นกัน โดยเฉพาะยอดขายประเภทรายบุคคล ขยายตัว 29% ส่วนช่องทางประกันชีวิตธุรกิจเฉพาะซึ่งประกอบด้วย การตลาดองค์กร เทเลมาร์เกตติ้ง เครดิตไลฟ์ และประกันกลุ่มเติบโต 13%

จากสถิติของสมาคมประกันชีวิตไทยในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ขยับจากอันดับ 6 ในปลายปีที่แล้ว มาอยู่อันดับ 3 ในด้านเบี้ยรับรวม มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 7.5% จากเดิม 6.0% และยังครองอันดับ 3 ในส่วนของเบี้ยใหม่ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 10%

"แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในขณะนี้ยังผันผวน จากปัจจัยทางการเมือง และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เรามองว่าธุรกิจโดยรวมยังมีแนวโน้มที่ดี ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญ และต้องการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนที่มั่นคง และแน่นอนผ่านประกันชีวิตมากขึ้น โดยกลยุทธ์การตลาดในช่วงที่เหลือนี้ บริษัทจะเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จของช่องทางตัวแทน ควบคู่กับการขยายตลาดในช่องทางอื่น ๆ อีก 5 ช่องทางให้แข็งแกร่ง และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการบริการลูกค้า และกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อสร้างความจงรักภักดีในระยะยาว และฝึกอบรมให้ฝ่ายขายทุกช่องทางให้เร่งประชาสัมพันธ์การเพิ่มสิทธิประโยชน์ค่าลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันชีวิตจากไม่เกิน 50,000 บาท เป็น 100,000 บาทให้มากขึ้นด้วย"
กำลังโหลดความคิดเห็น