นายกสมาคมประกันชีวิตหวั่นราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขาขึ้น กระทบการขยายตัวของธุรกิจประกันชีวิตที่ตั้งไว้ 3 เท่าของจีดีพี แต่ยังมั่นใจอย่างน้อยเติบโตได้ 1 เท่าของจีดีพี เผยไตรมาสแรกยอดเบี้ยปีแรกโตแค่ 5%
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า จากที่ทางสมาคมประกันชีวิตไทยได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของอุตสาหกรรมประกันชีวิตว่าจะอยู่ที่ 3 เท่าของจีดีพี โดยในไตรมาส 1 ของปีนี้มีการเติบโตอยู่ที่ 14% ซึ่งเบี้ยประกันรับปีแรกมีการเติบโตเพียง 5% โดยเป็นผลจากภาวะราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมเงินเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพของประชาชนมีการเพิ่มขึ้น และจากปัจจัยดังกล่าวจึงยังไม่มั่นใจว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมประกันชีวิตในปีนี้จะเติบโตได้ 3 เท่าของจีดีพี หรือไม่ แต่ก็ยังเชื่อว่าอย่างน้อยจะสามารถเติบโตได้ 1 เท่าของจีดีพี หรือ ประมาณ 10%
ทั้งนี้ ยอมรับว่าเรื่องดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายที่เน้นเงินออม และต้องการผลตอบแทน แต่ปัจจุบันบริษัทต่างๆ ได้มีนวัตกรรมที่หลากหลายสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้การออมผ่านประกันชีวิตสามารถแข่งขันกับภาคอื่นๆ ได้ และประกันชีวิตยังเป็นปัจจัยหลักในการให้ความคุ้มครองชีวิต คุ้มครองโรคร้ายแรง จึงเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวไม่น่าจะทำให้ประกันชีวิตเติบโตลดลงมากนัก
สำหรับกรณีที่เบี้ยปีต่ออายุของระบบอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง นั้นเป็นผลมาจาก กรมธรรม์ในปีนี้ของลูกค้าหลายบริษัทครบกำหนดอายุที่ไม่ต้องชำระเบี้ยอีก ซึ่งไม่เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลงในขณะนี้ แต่ในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจนั้นยอมรับว่า ในขณะนี้มองสถานการณ์ไม่ออก ดังนั้นต้องระมัดระวัง ควรประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ควรประมาท พยายามดูต้นทุน ซึ่งหลายบริษัทก็หันมาพิจารณาลดต้นทุน
"สภาพเศรษฐกิจในอนาคตมองไม่ออก ขึ้นกับเศรษฐกิจของโลก การเมืองในประเทศ เศรษฐกิจในประเทศ และการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็มองไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร แต่อุตสาหกรรมประกันชีวิตมีการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์น้อย ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ณ วันนี้ต้องดูว่าสัดส่วนของแต่ละบริษัทที่เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเป็นอย่างไร ซึ่งแต่ละบริษัทก็มีขนาดไม่เท่ากัน ซึ่งต้องไปดูกระบวนการทำงานว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน"
นายสาระ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทเมืองไทย 5 เดือน มีเบี้ยประกันรับปีแรกเติบโต 36% เบี้ยปีต่ออายุเติบโต 30% แต่เมื่อรวมเบี้ยปีแรกกับเบี้ยปีต่ออายุแล้ว จะเติบโต 32% ซึ่งทั้งปีก็คาดว่าน่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า จากที่ทางสมาคมประกันชีวิตไทยได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของอุตสาหกรรมประกันชีวิตว่าจะอยู่ที่ 3 เท่าของจีดีพี โดยในไตรมาส 1 ของปีนี้มีการเติบโตอยู่ที่ 14% ซึ่งเบี้ยประกันรับปีแรกมีการเติบโตเพียง 5% โดยเป็นผลจากภาวะราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมเงินเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพของประชาชนมีการเพิ่มขึ้น และจากปัจจัยดังกล่าวจึงยังไม่มั่นใจว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมประกันชีวิตในปีนี้จะเติบโตได้ 3 เท่าของจีดีพี หรือไม่ แต่ก็ยังเชื่อว่าอย่างน้อยจะสามารถเติบโตได้ 1 เท่าของจีดีพี หรือ ประมาณ 10%
ทั้งนี้ ยอมรับว่าเรื่องดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายที่เน้นเงินออม และต้องการผลตอบแทน แต่ปัจจุบันบริษัทต่างๆ ได้มีนวัตกรรมที่หลากหลายสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้การออมผ่านประกันชีวิตสามารถแข่งขันกับภาคอื่นๆ ได้ และประกันชีวิตยังเป็นปัจจัยหลักในการให้ความคุ้มครองชีวิต คุ้มครองโรคร้ายแรง จึงเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวไม่น่าจะทำให้ประกันชีวิตเติบโตลดลงมากนัก
สำหรับกรณีที่เบี้ยปีต่ออายุของระบบอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง นั้นเป็นผลมาจาก กรมธรรม์ในปีนี้ของลูกค้าหลายบริษัทครบกำหนดอายุที่ไม่ต้องชำระเบี้ยอีก ซึ่งไม่เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลงในขณะนี้ แต่ในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจนั้นยอมรับว่า ในขณะนี้มองสถานการณ์ไม่ออก ดังนั้นต้องระมัดระวัง ควรประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ควรประมาท พยายามดูต้นทุน ซึ่งหลายบริษัทก็หันมาพิจารณาลดต้นทุน
"สภาพเศรษฐกิจในอนาคตมองไม่ออก ขึ้นกับเศรษฐกิจของโลก การเมืองในประเทศ เศรษฐกิจในประเทศ และการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็มองไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร แต่อุตสาหกรรมประกันชีวิตมีการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์น้อย ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ณ วันนี้ต้องดูว่าสัดส่วนของแต่ละบริษัทที่เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเป็นอย่างไร ซึ่งแต่ละบริษัทก็มีขนาดไม่เท่ากัน ซึ่งต้องไปดูกระบวนการทำงานว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน"
นายสาระ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทเมืองไทย 5 เดือน มีเบี้ยประกันรับปีแรกเติบโต 36% เบี้ยปีต่ออายุเติบโต 30% แต่เมื่อรวมเบี้ยปีแรกกับเบี้ยปีต่ออายุแล้ว จะเติบโต 32% ซึ่งทั้งปีก็คาดว่าน่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้