xs
xsm
sm
md
lg

หลานแม้วฮุบเจน เล็งบุกธุรกิจใหม่จากตลาดเสาเข็ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บริษัทเจนเนอรัลฯเปิดตัว “พิรุณ ชินวัตร” หลังถือหุ้นใหญ่ 6% หวังหัวหอกขยายไลน์สู่ธุรกิจใหม่ พุ่งประเด็นพลังงานทดแทน ระบุถือหุ้นยาวไม่ใช่การเกร็งกำไร ด้านภาพรวมธุรกิจเสาเข็มระบุงานโครงการขยาดใหญ่ลดฮวบกว่า 40% แถมต้นทุนปรับขึ้นเกือบ 30% ฟุ้งลดต้นทุนได้ยันกำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 15%

นายพิรุณ ชินวัตร กรรมการผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ บริษัทเจนเนอรัล เอนจินียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL ผู้ดำเนินธุรกิจเสาเข็มและวัสดุก่อสร้าง เปิดเผยว่า ตนได้ทยอยซื้อหุ้นของเจนเนอรัลฯ จนปัจจุบันมีหุ้นกว่า 24 ล้านหุ้น หรือประมาณ 6% ซึ่งกลายเป็นผู้หุ้นใหญ่ในปัจจุบัน โดยใช้เงินไปประมาณ 50 ล้านบาท และได้เข้ามาเป็นผู้บริหารในส่วนของการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ

“ที่เข้ามาซื้อหุ้นเจนฯก็เพราะเห็นว่าเป็นธุรกิจที่ดี และตั้งใจจะถือหุ้นไว้ระยะยาว ไม่ได้เข้ามาซื้อเพื่อเก็งกำไรอย่างที่หลายคนเข้าใจ ตอนนี้เข้ามาทำหน้าที่วิเคราะห์และพัฒนากธุรกิจใหม่ๆ ของบริษัทฯ ซึ่งมีแนวคิดหลายรูปแบบ ทั้งที่เป็นการขยายจากธุรกิจเดิมของเจนฯเอง หรือเป็นธุรกิจพลังงานทดแทนที่เคยทำมาก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ และหากบริษัทฯต้องดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจต้องมีพันธมิตรธุรกิจหรือที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆเข้ามาเสริม ” นายพิรุณกล่าว

ปัจจุบัน นายพิรุณ เป็นเจ้าของบริษัท จีอาร์-เทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทดแทน และหุ้นส่วนในบริษัท ดีเวล เดเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ ดี 65 คอนโดมิเนียม ซ.สุขุมวิท 65

ด้านนายวิชญา จาติกวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่งฯ เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนที่จะขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงจำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 815.21 ล้านบาท เรียกชำระแล้ว 417.8 ล้านบาท ชึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ส่วนจะออกขายในตลาดในช่วงใดนั้น ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด เพราะในขณะนี้ราคาหุ้นไม่ค่อยดีนัก หากขายในช่วงนี้อาจทำให้ราคาหุ้นไม่ดี จึงต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน ซึ่งบริษัทมีความคาดหวังว่าจะได้จากการขายหุ้นในครั้งนี้ประมาณ 300 ล้านบาท ปัจจุบันมีนักลงทุนที่แสดงความสนใจเข้ามาแล้วส่วนหนึ่ง

“ถ้าราคาหุ้นไม่ดี อาจต้องมีการชะลอการขายออกไปก่อน เพราะยังไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้เงินในช่วงนี้เท่าใดนัก เพราะกระแสเงินสดที่มีอยู่ประมาณ 100 ล้านบาท สามารถดำเนิธุรกิจได้ ส่วนเม็ดเงินที่เพิ่มทุนดังกล่าวส่วนหนึ่งมาเป็นกระแสเงินสดด้วย และเพื่อรองรับการลงทุนใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต” นายวิชญากล่าว

ด้านนายกิตติชัย รักตะกนิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเจนเนอรัลฯ กล่าวว่า ปีนี้ภาพรวมของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชะลอตัวกว่าปีที่ผ่านมากว่า 15% โดยเฉพาะงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ลดลงประมาณ 30-40% ทั้งนี้สัดส่วนรายได้ในปัจจุบัน มาจากธุรกิจเสาเข็ม 55-60% (ในจำนวนนี้เป็นรายได้จากเสาเข็มขนาดใหญ่ 40%) พื้นสำเร็จรูป 20% ผนังสำเร็จรูป 10% และอื่น เช่น ปูนพิเศษ พนังกันเสียง รอยต่อสะพาน 10%

ปัจจุบัน ยังคงมีโครงการขนาดเล็กที่ยังมีการลงทุนอยู่บ้าง ทำให้บริษัทยังคงมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ จำนวน 600 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยส่งมอบในปีนี้ประมาณ 400 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะรักษายอดขายที่รอรับรู้รายได้ให้อยู่ในระดับดังกล่าวไปจนถึงสิ้นปี ส่วนเป้ายอดขายทั้งปีตั้งไว้ที่ 1,200 ล้านบาท

นายกิตติชัยกล่าวต่อว่า ในส่วนของราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้นมากประมาณ 30% บริษัทได้ขอเจรจากับลูกค้าเพื่อปรับขึ้นราคาเพื่อให้คุ้มกับต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้ปรับขึ้นราคาสินค้าประมาณ 15% และลดต้นทุนในการผลิตลง โดยบริษัทยังเชื่อว่าจะสามารถรักษากำไรไว้ได้ ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะรักษากำไรขั้นต้นไว้ที่ 15% ทั้งปี ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมาที่มีกำไรขั้นต้น 13%

สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว อาจส่งผลให้มีผู้รับเหมาทิ้งงานก่อสร้างจนเป็นเหตุให้ไม่จ่ายค่าสินค้าได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทต้องสำรองในส่วนของหนี้เสียเหล่านี้ประมาณ 17 ล้านบาท ในครึ่งปีแรกมีหนี้เสียประมาณ 3 แสนบาท ซึ่งถือว่าไม่มาก แต่ในการดำนเนิธุรกิจจะต้องมีความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกลูกค้า อย่างไรก็ดีลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นลูกค้าเก่า และเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่
กำลังโหลดความคิดเห็น