xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.รุกคืบยื่นคลังกลางเดือนนี้ เสนอต่างชาติถือหุ้น BT เกิน 49%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธปท.คาดกลางเดือนนี้สามารถส่งหนังสือให้คลังพิจารณาเพิ่มสัดส่วนต่างชาติถือหุ้นเกิน 49% ในแบงก์ไทยธนาคารได้ ยันกรณีขายหุ้นไม่มีการเมืองเกี่ยวข้องและทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน แต่ที่ช้าเพราะต้องนำเรื่องเข้าขอมติบอร์ดไทยธนาคารก่อน ฟุ้งหลังแก้ปัญหาบีทีเสร็จระบบแบงก์พาณิชย์ไทยจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างน้อย 4-5 ปีข้างหน้า ส่วนสถาบันการเงินขนาดเล็กเชื่อดูแลตัวเองได้ดี เพราะเงินกองทุนสูงถึง 20%

นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงกลางเดือนก.ค.นี้คาดว่าธปท.จะสามารถส่งหนังสืออย่างเป็นทางการในการขออนุญาตเพิ่มสัดส่วนให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นเกิน 49% ของธนาคาร ไทยธนาคาร จำกัด(มหาชน) หรือบีทีให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอนุมัติได้ หลังจากที่นายพีรศิลป์ ศุภผลศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไทยธนาคารได้เข้ามาหารือกับธปท.ในเบื้องต้นว่าจำเป็นต้องเตรียมเอกสารและข้อมูล รวมทั้งกระบวนการต่างๆ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว

ทั้งนี้ ไทยธนาคารจะต้องอธิบายเหตุผลและความจำเป็นในการขออนุญาตเพิ่มเพดานสัดส่วนให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นเพิ่มเติม พร้อมทั้งเอกสารประกอบต่างๆ อาทิ หนังสือจากทางกลุ่มซีไอเอ็มซีของประเทศมาเลเซีย รวมถึงต้องบ่งบอกว่าต่อไปจะมีใครเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนเท่าใดบ้าง และแผนการเพิ่มทุนในปริมาณเท่าใดและช่วงเวลาใด หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นแล้ว

“ไทยธนาคารได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอน แต่เหตุผลที่ช้า เพราะเขาต้องรอนำเรื่องต่างๆ ขอมติที่ประชุมคณะกรรมการของไทยธนาคารเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นหากทุกอย่างราบรื่นคาดว่าสัปดาห์หน้าเขาน่าจะส่งเอกสารและข้อมูลต่างๆ มายังธปท.ได้”

อย่างไรก็ตามในส่วนตัวมองว่าการขายหุ้นของบีทีครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองแต่อย่างใด เพราะขั้นตอนทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการปกติ โดยธปท.เองก็พยายามทำให้กระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นเร็วที่สุดเมื่อได้รับเอกสารจากไทยธนาคารครบแล้ว เพราะเข้าใจว่าหลายฝ่ายก็ลุ้นเรื่องนี้พอสมควร ขณะที่กระทรวงการคลังกำลังรอหนังสือที่ธปท.ส่งเรื่องไปให้ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง

ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า หลังจากที่ไทยธนาคารได้พันธมิตรธุรกิจรายใหม่แล้ว และได้มีการเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าระบบธนาคารพาณิชย์จะมั่นคงขึ้นและจะสามารถดำเนินธุรกิจได้ดีอย่างน้อย 4-5 ปีข้างหน้า ส่วนการดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงินขนาดเล็กทั้งธนาคารพาณิชย์ เพื่อรายย่อย บริษัทเงินทุน(บง.) และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์(บค.) ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเห็นได้จากสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20% ถือว่าสูงมาก รวมทั้งแต่ละสถาบันการเงินมีขอบเขตการทำธุรกิจเฉพาะ เพื่อให้สามารถปรับตัวรับการแข่งขันในยุคใหม่ได้ด้วยดี จึงไม่น่าเป็นห่วงอะไร

ทั้งนี้ กองทุนฟื้นฟูฯ ได้ร่วมลงนามในสัญญาขายหุ้นของไทยธนาคารที่ถืออยู่ในสัดส่วน 42.13% ให้แก่กลุ่มซีไอเอ็มบี จากประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้จำหน่ายหุ้นไทยธนาคารจำนวน 2,812 ล้านหุ้น ในราคา 2.10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,905 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.91 เท่าของมูลค่าทางบัญชีของไทยธนาคาร ณ วันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในขณะนี้มีมากกว่า 80% จึงจำเป็นที่ต้องขออนุมัติเพิ่มเพดานการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติจากกระทรวงการคลัง
กำลังโหลดความคิดเห็น