TNDT มั่นใจครึ่งปีหลังผลงานโดดเด่น เหตุปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ ไม่กระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงานปิโตรเคมี ประกอบกับมี Backlog ในมือไว้แล้วกว่า 270 ล้านบาท ขณะที่ภาครัฐมุ่งแก้ปัญหาน้ำมันแพง เร่งงานวางท่อก๊าซลงสู่ตลาดเร็วขึ้นส่งผลดีต่อบริษัท เชื่อสิ้นปีปั๊มรายได้โต 30-40% ทะลุ 260 ล้านบาทตามเป้า หลังครึ่งปีแรกขยายตัวเกือบ 46%
นางสาวชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) (TNDT) กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลัง ว่า ยังมีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกได้ ตามทิศทางการขยายตัวของโครงการขนาดใหญ่ในภาคธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งมีแผนการลงทุนต่อเนื่องระยะ 3-5 ปีนี้ และธุรกิจดังกล่าวเป็นงานต้นน้ำที่เกี่ยวเนื่อง โดยตรงกับธุรกิจให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลาย จึงส่งผลให้งานของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจดังกล่าว และมีโอกาสเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
“ธุรกิจที่บริษัททำอยู่ในแง่ของปริมาณงานในตลาดแทบจะไม่ได้รับผลกระทบ โดย 7 เดือนที่ผ่านมาได้เซ็นสัญญารับงานไว้ในมือ (Backlog) แล้วคิดเป็นมูลค่ากว่า 270 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายรายได้ทั้งปีที่บริษัทวางไว้ที่ระดับ 260 ล้านบาท หรือเติบโต 30-40% จากปี 2550 ที่มีรายได้ 207 ล้านบาท ซึ่งงานในมือทั้งหมด คาดว่า จะรับรู้เป็นรายได้ทันทีในปีนี้ ซึ่งโอกาสที่ผลงานจะสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ก็ยังมีอยู่ ส่วนการประมูลงานใหม่ในครึ่งปีหลังชื่อว่าน่าจะมีงานออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น” นางสาวชมเดือน กล่าว
สำหรับปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะราคาน้ำมันแพงนั้น เชื่อว่า จะส่งผลดีต่อธุรกิจมากขึ้น เพราะราคาน้ำมันในตลาดเริ่มอ่อนตัว ส่งผลให้ต้นทุนหลายส่วนปรับลดลงได้ ประกอบกับที่บริษัทวางแผนรับมือกับต้นทุนที่พุ่งขึ้น ด้วยการระมัดระวังการใช้จ่ายและบริหารงานภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อจะหนุนให้ผลงานในครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 117.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 85.86 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 21.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.33% จากกำไรสุทธิ 14.78 ล้านบาท ในครึ่งแรกของปี 2550 ส่วนผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/2551 มีกำไรสุทธิ 6.37 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ทำได้ 8.21 ล้านบาท
เนื่องจากมีการปรับค่าแรงตามค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมทั้งต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และเกิดจากการลงทุนในเครื่องมือ อุปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรของบริษัทไตรมาส 2 ปี 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปีก่อนลดลง อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของต้นทุนดังกล่าว ถือเป็นการลงทุนเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยจะไม่รับรู้เป็นต้นทุนอีกไตรมาสถัดไป ซึ่งเชื่อว่า จะสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
นางสาวชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) (TNDT) กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลัง ว่า ยังมีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกได้ ตามทิศทางการขยายตัวของโครงการขนาดใหญ่ในภาคธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งมีแผนการลงทุนต่อเนื่องระยะ 3-5 ปีนี้ และธุรกิจดังกล่าวเป็นงานต้นน้ำที่เกี่ยวเนื่อง โดยตรงกับธุรกิจให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลาย จึงส่งผลให้งานของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจดังกล่าว และมีโอกาสเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
“ธุรกิจที่บริษัททำอยู่ในแง่ของปริมาณงานในตลาดแทบจะไม่ได้รับผลกระทบ โดย 7 เดือนที่ผ่านมาได้เซ็นสัญญารับงานไว้ในมือ (Backlog) แล้วคิดเป็นมูลค่ากว่า 270 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายรายได้ทั้งปีที่บริษัทวางไว้ที่ระดับ 260 ล้านบาท หรือเติบโต 30-40% จากปี 2550 ที่มีรายได้ 207 ล้านบาท ซึ่งงานในมือทั้งหมด คาดว่า จะรับรู้เป็นรายได้ทันทีในปีนี้ ซึ่งโอกาสที่ผลงานจะสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ก็ยังมีอยู่ ส่วนการประมูลงานใหม่ในครึ่งปีหลังชื่อว่าน่าจะมีงานออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น” นางสาวชมเดือน กล่าว
สำหรับปัญหาต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะราคาน้ำมันแพงนั้น เชื่อว่า จะส่งผลดีต่อธุรกิจมากขึ้น เพราะราคาน้ำมันในตลาดเริ่มอ่อนตัว ส่งผลให้ต้นทุนหลายส่วนปรับลดลงได้ ประกอบกับที่บริษัทวางแผนรับมือกับต้นทุนที่พุ่งขึ้น ด้วยการระมัดระวังการใช้จ่ายและบริหารงานภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อจะหนุนให้ผลงานในครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 117.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 85.86 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 21.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.33% จากกำไรสุทธิ 14.78 ล้านบาท ในครึ่งแรกของปี 2550 ส่วนผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/2551 มีกำไรสุทธิ 6.37 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ทำได้ 8.21 ล้านบาท
เนื่องจากมีการปรับค่าแรงตามค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมทั้งต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และเกิดจากการลงทุนในเครื่องมือ อุปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรของบริษัทไตรมาส 2 ปี 2551 เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปีก่อนลดลง อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของต้นทุนดังกล่าว ถือเป็นการลงทุนเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยจะไม่รับรู้เป็นต้นทุนอีกไตรมาสถัดไป ซึ่งเชื่อว่า จะสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้