xs
xsm
sm
md
lg

ยักษ์ส่งออกฯ อัดรัฐส่งสัญญาณราคาผิดพลาด ทำตลาดข้าวอัมพาต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้บริหารข้าว "พงษ์ลาภ" อัดรัฐบาลส่งสัญญาณราคาผิด ทำส่งออกอัมพาต เอกชนไม่กล้าซื้อขาย เพราะเกรงผลกระทบ พร้อมเตือนรับมือ ภาวะราคาข้าวผันผวน พุ่งเร็ว-ร่วงแรง ขณะที่นายกฯ ยืนยันปัญหาข้าวแพง ยังไม่น่าห่วง

วันนี้(21 เม.ย.) นายสมพงษ์ กิติเรียงลาภ ประธานกรรมการ บริษัทพงษ์ลาภ จำกัด ซึ่งเป็น 1 ในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของประเทศ กล่าวถึงภาวะตลาดข้าวไทย ขณะนี้ ถือว่าอยู่บนทางสองแพร่ง โดยสถานการณ์ส่งออกข้าวในปัจจุบัน กำลังเข้าสู่ภาวะเลวร้าย ผู้ส่งออกไม่กล้าขายสินค้า เนื่องจากกลไกตลาดบิดเบือน ไม่สะท้อนราคาที่แท้จริง โดยผู้ส่งออกในปัจจุบันมีกำลังไม่ถึง 25% ในการผลิต และสภาพคล่องในการทำธุรกิจกับต่างประเทศ

อย่างไรก็ตามราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้นมากจะส่งผลดีโดยตรงกับชาวนา ในขณะที่รัฐบาลต้องบริหารราคาที่มีความผันผวนในการแทรกแซงตลาดและเปิดโครงการรับจำนำ ราคาก็จะปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน

"ต้องยอมรับว่า ระบบการค้าข้าวช่วงนี้ อยู่ในภาวะราคาผันผวนต่อเนื่อง ผู้ส่งออกไม่กล้ารับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ปรากฏการณ์นี้ทำให้ระบบการค้าข้าวเป็นอัมพาต เนื่องจากผู้ค้าข้าวมีสภาพคล่องตามวงเงินจำกัด การจะลงไปซื้อข้าวในราคาแพงและขายต่อในภาวะที่ไม่แน่ใจว่าผู้ ซื้อจะสู้ราคามากน้อยเพียงใด ก็เป็นความเสี่ยง ขณะที่การเข้าไปซื้อสินค้าราคาแพง ต้องใช้วงเงินทำธุรกิจที่สูงขึ้น"

ทั้งนี้ ตนอยู่ในวงการค้าข้าวมาสิบกว่าปี เดิมระบบการค้าจะรับคำสั่งซื้อก่อน จึงหาซื้อข้าวและส่งมอบ แต่ปัจจุบันการค้าเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ต้องแน่ใจว่ามีข้าวในมือก่อนจะรับคำสั่งซื้อ แต่ภาวะตอนนี้ไม่มีใครกล้าซื้อขายข้าว เพราะราคาผันผวน ทำให้ระบบการซื้อขายไม่เป็นไปอย่างปกติ

"ต้องมีเม็ดเงินสำรองมากๆ ที่จะซื้อขายเงินสดได้ ซึ่งในความเป็นจริง ระบบค้าข้าวที่ผ่านมาจะใช้เงินเชื่อ หรือความไว้วางใจกัน ตอนนี้ถ้าเป็นพ่อค้ามือใหญ่ก็พอจะอยู่ได้"

พงษ์ลาภขายข้าวขาวเป็นหลักในตลาดมาเลเซีย แอฟริกา ฟิลิปปินส์ ขณะนี้กำลังส่งมอบข้าวตามคำสั่งซื้อเก่าที่มีอยู่ และต้องส่งมอบให้หมดภายในเดือน 6 ซึ่งการส่งข้าวไปในเดือน เม.ย.ที่จะผ่านไปนี้ ก็ส่งมอบในราคาตันละ 300 ดอลลาร์สหรัฐ (เอฟโอบี) คงไม่ต้องบอกว่าขาดทุนไปแล้วเท่าไหร่

ถ้าราคาข้าวยังผันผวนเช่นนี้ต่อไป พงษ์ลาภต้องปิดตัวเอง เพราะไม่กล้ารับออเดอร์ใหม่ เราก็ไม่กล้าเสี่ยงว่าราคาข้าวจะสูงอย่างนี้ตลอดไป ถ้าราคาลงมา โบรกเกอร์ที่ซื้อข้าวแล้วไม่มารับมอบ ใครจะรับผิดชอบ“ นายสมพงษ์กล่าว

ปัจจุบันสต็อกของผู้ส่งออกทั้งหมด ประมาณ 1.6 ล้านตัน ซึ่งถือว่าไม่มากเพียงพอต่อการส่งออกประมาณ 2 เดือน ขณะที่ผู้ส่งออกจะมีออเดอร์ที่ต้องส่งข้าวตามสัญญาที่มีไว้กับโบรกเกอร์ต่างประเทศไปจนถึงเดือน 6 ปีนี้

**อัด! "เจ๊มิ่ง" ตัวการปั่นราคาข้าว

นายสมพงษ์กล่าวว่า สำหรับการส่งออกข้าวเดือน เม.ย. คาดว่าจะมีปริมาณ 7-8 แสนตัน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ลดลงมาจากการส่งออกช่วงที่ผ่านมา (ปลายปี 2550-ต้นปี 2551) ที่ส่งออกแล้วเฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านตัน และคาดว่าในอีก 2-3 เดือนจากนี้ ปริมาณการส่งออกข้าวจะลดลงต่อเนื่อง เฉลี่ยเดือนละ 7-8 แสนตัน ทำให้การส่งออกทั้งปีของไทยน่าจะอยู่ที่ 9 ล้านตันตามที่รัฐคาดหมาย เพราะปริมาณการส่งออกสูงก่อนหน้านี้ ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้การส่งออกลดลงต่อเนื่อง มาจากปัญหาราคาผันผวน ผู้ส่งออกไม่กล้ารับคำสั่งซื้อ ขณะที่ผู้ซื้อไม่กล้าสู้ราคา

ส่วนประเด็นว่าสถานการณ์ราคาจะผันผวนยาวนานเท่าใดนั้น ไม่สามารถตอบได้ แต่คาดว่า หากรัฐไม่บริหารจัดการให้ดี ราคาข้าวที่สูงก็อาจตกลงได้ แต่รัฐต้องอย่าให้ตกต่ำมาก เพราะจะกระทบชาวนา โดยขณะนี้ชาวนากำลังเคยชินกับราคาข้าวที่สูง มีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าจำนวนมากขึ้น

**ชี้ต้นทุนการผลิตเริ่มสูง

โดยภาวะราคาที่อ้างว่าเป็นไปตามกลไกตลาดนั้น ในความจริง กลไกตลาดทำงานเพียงส่วนหนึ่ง ตามปริมาณความต้องการของตลาดกับปริมาณผลผลิตทั่วโลก แต่ยังมีอีกส่วนที่เกิดจากการปั่นราคา เช่น กรณีที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมาคาดการณ์ระดับราคาข้าวไปต่างๆ นานา

นายสมพงษ์กล่าวว่า คาดว่าราคาส่งออกเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ประมาณตันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ข้าวสาร) ซึ่งจะเป็นราคาที่ทุกฝ่ายพึงพอใจ ทั้งนี้ ข้าวที่ออกสู่ตลาดทุกวัน แต่กำลังซื้อผู้ส่งออกที่จะซื้อข้าวจากโรงสีหรือชาวนามีไม่มาก เพราะต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากขึ้น ขณะที่ด้านผู้ซื้อต่างประเทศพบว่า ถ้าราคาสูงเกินไปก็จะชะลอซื้อ

นายสมพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า ปรากฏการณ์ประมูลข้าวที่ฟิลิปปินส์ เมื่อ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการเสนอราคาที่สูงมาก ไม่เป็นไปตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้มีการตื่นตระหนกกับการประมูลดังกล่าว เพราะเป็นการประมูลนอกประเทศ ที่ไม่สามารถทราบภาวะและเหตุผลที่มาที่ไปของราคาดังกล่าวได้อย่างแท้จริง ขณะที่ไทยก็มีการร่วมประมูลเพียง 1.5 แสนตัน ซึ่งไม่ใช่ปริมาณสูงมากจนเกิดผลกระทบกับตลาดภายในประเทศ

ทั้งนี้ หากปล่อยให้ราคาข้าวสูงมากไป ก็จะกระทบกับวงจรการค้าข้าว ที่ขณะนี้กำลังช็อกกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โรงสีไม่ยอมปล่อยข้าว ผู้ส่งออกไม่กล้าขายและซื้อข้าว ทุกฝ่ายกั๊กกันไปมา ไม่เกิดการเคลื่อนไหว รัฐต้องเข้ามาดูแลให้สมดุล ก่อนหน้านี้ได้คุยกับรัฐให้เสนอราคาส่งออกขั้นต่ำ แต่ก็ไม่เห็นทำอะไร ผู้ส่งออกก็เผชิญกับความผันผวนไป ผมถามว่า ดูแลชาวนา แล้วไม่ดูแลผู้ส่งออก ถ้าผู้ส่งออกตายทั้งระบบ ก็ได้รับผลกระทบ"

ทั้งนี้ ประธานบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด ยังเรียกร้องรัฐบาลกำหนดเพดานราคาส่งออกข้าวขั้นต่ำ เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกซึ่งเป็นกงจักรใหญ่ด้านการค้ากับต่างประเทศและเศรษฐกิจโดยรวม ไม่เพียงแต่ให้ความช่วยเหลือเฉพาะประชาชนในระดับรากแก้วเท่านั้น

**"หมัก" ยันข้าวแพงไม่น่าห่วง

โดยวานนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ถึงปัญหาราคาข้าวแพงขณะนี้ โดยระบุว่า ราคาข้าวไม่มีปัญหา เนื่องจากเป็นเรื่องของอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า ยังมีปริมาณข้าวสำรองถึง 2 ล้านตันซึ่งเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศในขณะที่อัตราการบริโภคแค่ 6.6 ล้านตัน คิดเป็นต้นทุนที่กินต่อมื้อประมาณ 3 บาทต่อคนต่อมื้อเท่านั้น ปัญหาข้าวบริโภคขาดแคลนจึงจะไม่เกิดขึ้น แต่อาจต้องบริโภคข้าวราคาสูงขึ้น เพื่อให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกจำนวน 2.4 ล้านตัน เป็นข้าวเปลือกที่เตรียมไว้ทำพันธุ์ และรัฐบาลเป็นผู้ผลิตแต่หากข้าวเปลือกของชาวนาเป็นสายพันธุ์ที่ดี ก็ไม่จำเป็นต้องไปซื้อพันธุ์ข้าวใหม่มาปลูก แต่ต้องเปลี่ยนพันธุ์ข้าวสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันโรคและแมลง

สำหรับปัญหาปุ๋ยเคมีราคาแพง นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้เจรจากับประเทศผู้ผลิตปุ๋ย เพื่อนำเข้ามาขายให้ชาวนาในราคายุติธรรม อีกทั้งจากการตรวจสอบของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่าที่ จ.สระบุรี มีการลักลอบผลิตปุ๋ยไม่ถูกกฎหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งจัดการ
กำลังโหลดความคิดเห็น