"ประดิษฐ์" รับหน้าเสื่อแทน "เลี้ยบ" ชงมาตรการกระตุ้นศก.ลอตใหญ่ เข้าครม.อีกรอบ ทั้งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ธอส.-แบงก์ออมสิน และการพักหนี้ ธกส. หั่นภาษี พร้อมมาตรการลด แลก แจกแถมครบเครื่อง "เจ๊มิ่ง" หันเอาดีข้าวถุงธงฟ้า หลังปั่นราคาข้าวจนตลาดป่วน ขณะที่ ศธ.อัดฉีดคะแนนยิมยม ขรก.ครู
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วันนี้ (1 เม.ย.) กระทรวงการคลังได้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้คนมีรายได้น้อยมีกำลังซื้อมากขึ้น ด้วยการช่วยเหลือผ่านกลไกของภาครัฐ ทั้งธนาคารออมสิน ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารประชาชนแบบขั้นบันได สำหรับการกู้ตั้งแต่ 1-3 ปี ลดอัตราดอกเบี้ย 0.75% เหลือ 0.5% ต่อเดือน และการปล่อยกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของธนาคารออมสิน
โดยก่อนหน้านี้นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้รายละเอียดมาตรการดังกล่าวโดย ธอส.เตรียมวงเงิน 1 หมื่นล้านบาทผู้ที่กู้ต้องซื้อบ้านหลักแรกรายได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทต่อเดือน กู้ไม่เกิน 6 แสนบาทผ่อนชำระ 2 กรณีโดยเลือกอัตราดอกเบี้ยคงที่ 7 ปี4% หลังจากนั้นลอยตัวMRR-0.50%และอัตราดอกเบี้ยคงที่ 10 ปี 4.5% หลังจากนั้นลอยตัว MRR-0.50%
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมออกพันธบัตร 10,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการปล่อยกู้ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเอง เบื้องต้นกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 7 ปี 4% คงที่ 10 ปี 4.5% รวมถึงแนวทางการพักหนี้เกษตรกรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อลดภาระให้เกษตรกรในช่วงค่าครองชีพสูง
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีการขยายช่วงเงินได้สุทธิจากเดิม 100,000 บาทแรกเสียภาษีเป็น 0% เพิ่มเป็น 1.5 แสนบาทแรกเสียภาษี 0% มีผลบังคับใช้แล้วนั้น ขณะนี้กรมสรรพากรได้ประสานไปยังหน่วยงาน บริษัท ห้างร้านที่เคยหักภาษี ณ ที่จ่าย ลูกจ้าง จะต้องปรับระบบการหักใหม่ตั้งแต่เดือนเม.ย.นี้ เพื่อทำให้เงินในกระเป๋าของประชาชนเพิ่มขึ้นทันที
ส่วนมาตรการส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยการลดภาษีธุรกิจเฉพาะ จาก 3.3% เป็น 0.11% นั้น ในส่วนนี้ผู้ประกอบการเป็นผู้แบกภาระ แต่เมื่อลดภาษีก็จะลดภาระผู้ประกอบการได้ส่วนหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้บริโภคจะต้องต่อรองราคาให้ลดลงมา เช่น บ้านหลังละ 1 ล้านบาท จะได้ปรับลดลงมาเกือบ 3 หมื่นบาท ส่วนค่าจดทะเบียนการโอนและการจดจำนองอาคาร กรณีบ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน อาคารชุด ห้องชุด จะลดลงจากเดิม 2% และ 1% จะเหลือเพียง 0.01% ซึ่งส่วนนี้เป็นอำนาจของกรมที่ดินซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วพร้อมกัน แต่จะมีผลเฉพาะบ้านมือหนึ่งจากโครงการจัดสรรเท่านั้น ส่วนบ้านมือสองและบ้านส่วนบุคคลขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างประสานกับกรมที่ดินเพื่อรับผลจากมาตรการนี้ด้วย คาดภายใน 1 สัปดาห์จะได้รับส่วนลดนี้เช่นกัน
"ใครที่ไปซื้อบ้านใหม่หรือคอนโดฯใหม่จะต้องต่อรองราคาเพื่อปรับลดลงมาอีกราว 3% เพราะรัฐได้ลดภาษีให้ผู้ประกอบการไปแล้ว ประชาชนก็ต้องได้รับผลจากส่วนนี้ด้วย" นายประดิษฐ์กล่าว
**เจ๊มิ่ง เลิกปั่นราคาข้าว ขย่มสตอกทำข้าวถุงธงฟ้า
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้ จะพิจารณาอนุมัตินำข้าวในสต็อกของรัฐบาล 2.1 ล้านตัน บรรจุถุงจำหน่ายให้ประชาชนโดยไม่เอากำไร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคหลังราคาข้าวพุ่งสูงเป็นประวัติศาสตร์ แล้วจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปปริมาณที่จะแบ่งขาย รวมทั้งกำหนดราคาขาย โดยยืนยันว่า ข้าวสารพาณิชย์จะมีราคาถูกกว่าตลาดและถึงมือประชาชนอย่างทั่วถึงภายใน 1 เดือนอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ รมว. พาณิชย์ ได้เตรียมขอความร่วมมือกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ จนถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในการช่วยกระจายสินค้า โดยผู้บริโภคอาจต้องมีการแสดงสำมะโนครัวในการซื้อ เพื่อไม่ให้ผู้ค้ารายใหญ่ฉวยโอกาสกักตุนข้าวสารราคาถูก เอาเปรียบประชาชน
**ศธ.ยืดอายุ ขรก.เกษียรณ 5 ปี เรียกคะแนนนิยม
นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) โดยระบุว่า ที่ประชุม ก.ค.ศ.มีมติเห็นชอบให้ สำนักงาน ก.ค.ศ.ดำเนินการเรื่องต่ออายุข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาจาก 60 ปี เป็น 65 ปี โดยขณะนี้ ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อยกร่างกฎหมายเรียบร้อยแล้ว โดยคณะทำงานตรวจสอบกฎหมายแล้วพบว่าจะต้องแก้กฎหมาย 2 ฉบับคือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ในหมวด 8 การออกจากราชการ มาตรา 107 และ พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 มาตรา 3, 4 และ 5 ซึ่งคาดว่าคณะทำงานด้านกฎหมายจะใช้เวลาแก้ไขร่างกฎหมายประมาณ 30 วัน จากนั้นจะเสนอร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับต่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเสนอที่ประชุม ครม. ขอแก้ไขกฎหมาย 2 ฉบับ หาก ครม.เห็นชอบตามที่ ศธ.เสนอ ก็จะส่งเรื่องไปยังสำนักงานกฤษฎีกา และเมื่อสำนักงานกฤษฎีกาตรวจสอบเรียบร้อยแล้วก็จะส่งคืนกลับมายัง ครม.จากนั้น ครม.จะส่งเรื่องไปยังรัฐสภาเพื่อเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติต่อไป
นางจรวยพร กล่าวต่อว่า สำหรับหลักการต่ออายุข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น คณะทำงานจะหารือกันอีกครั้งเพื่อกำหนดว่าผู้ที่จะต่ออายุราชการได้จะต้องอยู่ในตำแหน่งครูและบุคลากรทางการศึกษา (ค.ศ.) หรือวิทยฐานะใด แต่ในเบื้องต้นจะใช้แนวทางเดียวกับมหาวิทยาลัย คือ ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ดีเด่นเป็นพิเศษ และจะต่ออายุให้กับข้าราชการที่มีตำแหน่งระดับรองศาสตราจารย์ (รศ.) ระดับ ซี 9 หรือข้าราชการที่มีวิทยฐานะเชี่ยวชาญเท่านั้น โดยจะให้ปฏิบัติหน้าที่สอนหรือทำงานวิจัยเท่านั้น แต่จะไม่อนุญาตให้มานั่งตำแหน่งผู้บริหาร
“ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดว่าจะต่ออายุราชการให้กับสาขาที่ขาดแคลนเท่านั้น เพราะปัจจุบันพบว่า ในทุกสาขาเราขาดแคลนผู้ที่มีความรู้ ความสามารถและผู้เชี่ยวชาญเกือบทุกสาขา ประกอบกับมีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้าร่วมโครงการเออลี่รีไทร์อีกกว่า 9 พันคนทำให้ยิ่งขาดแคลนทุกสาขา” ปลัด ศธ.กล่าวและเพิ่มเติมว่า
ในการต่ออายุราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพิ่มขึ้นอีก 5 ปี นั้น ส่วนราชการหรือสถานศึกษาที่ต้องการต่ออายุราชการจะต้องเป็นผู้หางบประมาณมาเพื่อจ่ายเป็นค่าสอนเอง ส่วนเงินค่าวิทยฐานะ ศธ.ยังจ่ายให้เหมือนเดิม