xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์แนะอุดส่วนต่างดอกเบี้ย 1% หวั่นเงินไหลเข้า-บาทแข็งแตะ 30

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายแบงก์ผิดคาดเฟดลดดอกเบี้ยแค่ 0.75% ระบุเป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับขนาดของปัญหา ประเมินการประชุมครั้งต่อไปลดอีก 0.50% พร้อมเตือนธปท.จับตาเงินไหลเข้าหลังส่วนต่างดอกเบี้ยขยายเพิ่มเป็น 1% หวั่นเงินบาทแข็งแตะ 30

นายบันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสำนักวิจัย ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) หรือ BT เปิดเผยว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด 0.75% นั้น เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวนั้นเป็นผลดีที่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ในระยะสั้นเท่านั้น แต่ถ้าในระยะยาวอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ เนื่องจากระดับการลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับปัญหาที่สหรัฐฯกำลังเผชิญอยู่ แต่ก็เชื่อว่าในเดือนเมษายนนี้เฟดน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาและกระตุ้นให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงของเฟด ก็จะทำให้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยไทยและสหรัฐฯห่างกัน 1% โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ระดับ 3.25% ขณะที่ดอกเบี้ยของสหรัฐฯอยู่ในระดับ 2.25% ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าและค่าเงินบาทก็จะปรับตัวแข็งค่าขึ้นอีก ซึ่งคาดว่าจะทำให้เงินบาทมีโอกาสปรับตัวแข็งค่าขึ้นไปอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในเร็วๆนี้ และในที่สุดค่าเงินบาทอาจแตะไปที่ระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้

"การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด อาจจะเป็นปัจจัยกดดันในการพิจารณากำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธปท.ได้ แต่การที่ ธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลงตามอัตราดอกเบี้ยของเฟดหรือไม่นั้น ก็ต้องมีการประมวลดูข้อมูลและศึกษาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่หากจะลด โดยเฉพาะระดับอัตราเงินเฟ้อของไทยในปัจจุบันที่อยู่ในระดับที่สูงพอสมควร ทั้งนี้ โดยส่วนตัวคาดการณ์ว่า ในการประชุมครั้งต่อไปทาง ธปท.น่าจะมีทิศทางที่ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง"นายบันลือศักดิ์กล่าว

นายบันลือศักดิ์กล่าวอีกว่า นับจากนี้ไปจนถึงช่วงครึ่งปีหลังอยากให้ทุกคนเฝ้าระวังและจับตามองเป็นพิเศษ เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงจากทั้ง ภายนอกคือเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และปัญหาเศรษฐกิจภายในภูมิภาคเอเชีย ที่อาจจะมีปัญหารุนแรงขึ้นมาได้ ขณะที่ค่าเงินบาทของไทยที่ยังมีทิศทางแข็งค่าและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง

ด้านนางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล กรรมการและรองกรรมการอำนวยการ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ลง 0.75% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าการคาดการณ์นั้น เชื่อว่าเฟดคงจะรอดูผลของมาตรการที่ออกไปก่อนว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน รวมทั้งอาจประเมินว่าเป็นการเร็วไปถ้าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงคราวละมากๆ แต่เชื่อว่าการประชุมครั้งต่อไปเฟดน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่ำลงอีก 0.50%

อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. คงจะต้องมีการดูแลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิด ซึ่งการที่มีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยไทยมากกว่าต่างประเทศอาจจะทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามามากเป็นผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ธปท.จะดูแลให้ทิศทางของการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของค่าเงินในภูมิภาค ส่วนการที่ ธปท.จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามเฟดหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาถึงปัญหา 2 อย่างคือ ปัญหาภายในประเทศไทยเองและปัญหาของสหรัฐ เนื่องจากระดับเงินเฟ้อของไทยยังคงสูงอยู่ ตามราคาน้ำมันตลาดโลก แต่ถ้าระดับเงินเฟ้อของไทยปรับตัวลดลง ทาง ธปท. ก็ควรพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยตาม แต่ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของปัจจัยภายในประเทศและช่วงระยะเวลาที่ดีที่สุด โดยคาดว่าเงินเฟ้อน่าจะปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 ของปีนี้แน่นอน ซึ่งจะเป็นช่องทางให้ ธปท. สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้
กำลังโหลดความคิดเห็น