นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกร้อยละ 0.75 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.25 เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ ที่เกิดจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือ ซับไพร์ม ว่า ได้ทำให้อัตราดอกเบี้ยของไทย มีส่วนต่างจากดอกเบี้ยในต่างประเทศถึงร้อยละ 1 ซึ่งยอมรับว่า จะส่งผลให้มีเงินลงทุนไหลเข้าในประเทศมากขึ้น ดังนั้น มองว่าเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.ได้ยกเลิกมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 แล้ว ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศควบคู่ไปด้วย เพื่อป้องกันการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตามทราบดีว่า การตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ย ถือเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ที่ต้องพิจารณาถึงผลกระทบในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ค่าเงินบาท และนโยบายส่งเสริมการลงทุนภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวด้วยว่า คงต้องติดตามมาตรการลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อแก้ไขปัญหาซับไพร์มของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดต่อไป เนื่องจากคาดการณ์ว่า หากมาตรการที่ออกมา ไม่สามารถบรรเทาปัญหาได้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องปรับลดดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อยร้อยละ 0.75 ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยและสหรัฐฯ มีมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวด้วยว่า คงต้องติดตามมาตรการลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อแก้ไขปัญหาซับไพร์มของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดต่อไป เนื่องจากคาดการณ์ว่า หากมาตรการที่ออกมา ไม่สามารถบรรเทาปัญหาได้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องปรับลดดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อยร้อยละ 0.75 ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยและสหรัฐฯ มีมากขึ้นไปอีก