หุ้นไทยเมินข่าวดี ธปท.เลิกกันสำรอง 30% ดัชนีปรับลงแดนลบ คาดปัจจัยภายนอกกดดัน ขณะที่ค่าเงินบาททรงตัวที่ 31.50 บาท/ดอลลาร์ คาดแบงก์ชาติเข้าดูแลใกล้ชิด ด้านผู้จัดการ ตลท.ยอมรับ ตลาดหุ้นไม่คึกคัก เพราะรับข่าวไปนานแล้ว
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย วันนี้ (3 มี.ค.) ดัชนีภาคเช้าแกว่งตัวผันผวน โดยดีดขึ้นบวกเล็กน้อย ช่วงสั้นๆ หลังจากนั้นก็ลงมาอยู่ในแดนลบ แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา และให้มีผลในวันนี้ ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาดทุน
โดยเมื่อเวลา 11.18 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 844.48 จุด ลดลง 1.28 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8,732.06 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เปิดการซื้อขาย ดัชนีกลับปรับตัวลดลงไม่รับรับข่าวดังกล่าว นักวิเคราะห์คาดว่า ประเด็นสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแดนลบ เช้าวันนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกระทบจากดัชนีดาวโจน์ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงกว่า 300 จุด ซึ่งทำให้หุ้นย่ายเอเชียปรับตัวลงทั่วหน้า ส่วนปัจจัยในประเทศ ทั้งคลังและแบงก์ชาติ มีการเข้าไปดูแลใกล้ชิด ทั้งการขอความร่วมมือ และการเข้าแทรกแซงตลาด โดยเฉพาะกลุ่มส่งออก และธนาคารพาณิชย์
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ ธปท. ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% มองว่าไม่ส่งผลดีต่อตลาดหุ้น เนื่องจากมาตรการดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมถึงตลาดหุ้นประกอบกับตลาดฯรับรู้ข่าวไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะส่งผลดีในเชิงจิตวิทยาการลงทุนทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นมากขึ้น อีกทั้งมองว่าจะส่งผลดีตลาดตราสารหนี้ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยไม่คึกคักมากนักในวันนี้ทั้งที่ ธปท. ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เนื่องจากนักลงทุนรับรู้ข่าวดังกล่าวไปแล้ว จึงทำให้ตลาดหุ้นไม่คึกคักเท่าที่ควร
**ค่าเงินบาททรงตัวที่ 31.50 บาท/ดอลลาร์
นักค้าเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เงินบาทของไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมา เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ใกล้เคียงกับระดับปิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประมาณ 31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากตลาดยังคงต้องรอมาตรการดูแลตลาดจาก ธปท. โดยความเคลื่อนไหวของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนของไทยยังมีไม่มากนัก เพราะ ธปท.ยังเข้าไปติดตามดูแลตลาด โดยมีการดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้เงินบาทยังทรงตัวในระดับดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นได้อีก เพราะยังมีเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดของไทย และอาจมีแรงเทขายจากผู้ส่งออกของไทย ที่มองแนวโน้มเงินบาทว่าจะแข็งค่าได้อีก ดังนั้น จึงมีโอกาสที่อาจจะได้เห็นเงินบาททะลุระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้
นอกจากนี้ยังต้องติดตามดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐประกอบด้วย ซึ่งภายในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะมีการประกาศตัวเลขที่น่าสนใจอีกหลายตัว ซึ่งมีผลต่อตลาดเงินและตลาดทุน
ล่าสุด 11.57 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 847.74 จุด ปรับบวกเล็กน้อย 1.98 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,564.47 ล้านบาท