xs
xsm
sm
md
lg

“หมัก-เลี้ยบ” โบ้ยสื่อมั่วบาท แบงก์ลุ้น กนง.ลดดอกเบี้ย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เงินบาทปิดตลาดแข็งค่าที่ระดับ 32.25-32.27 บาทต่อดอลลาร์ คาดวันนี้แข็งค่าต่อมาอยู่ที่ 32.20 นายแบงก์เสียงแตกผลการประชุม กนง.ลดดอกเบี้ย ชี้รอบนี้คาดเดายาก แต่หากมีการปรับลดจริงจะเป็นส่วนช่วยกระตุ้นยอดสินเชื่อแบงก์ “หมัก-เลี้ยบ” ยันไม่เคยพูดเรื่องใช้อัตราแลกเปลี่ยงคงที่ จวกสื่อฟังไม่ศัพท์จับไปกระเดียด

นักค้าเงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) BBL เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวานนี้ (26 ก.พ.) ปิดตลาดที่ระดับ 32.25-32.27 บาทต่อดอลลาร์ โดยระหว่างวันมีปริมาณธุรกรรมไม่มากนัก และแข็งค่าสุดที่ 32.25 บาทต่อดอลลาร์ และอ่อนค่าสุด 32.28 บาทต่อดอลลาร์ สำหรับกรอบเคลื่อนไหวในวันนี้ (27 ก.พ.) คาดว่า จะอยู่ที่ 32.20-32.30 บาทต่อดอลลาร์ ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในวันนี้ และปัจจัยต่างประเทศคือการประกาศดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ

นายชัยนันท์ ลภิธนานุวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลสายงานลูกค้ารายย่อย ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) SCIB เปิดเผยว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินน่าจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยน่าจะมีการปรับลดลงประมาณ 0.50% ทั้งนี้ หากทางการมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจริงก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้ประชาชนเกิดความต้องการด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ต่างๆ มีขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2550 ที่ผ่านมา

นายตรรก บุญนาค ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) BAY กล่าวว่า กนง.อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.25% เหมือนเดิม หรืออาจปรับลดลง 0.25% เนื่องจากก่อนประกาศอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในไตรมาส 4 นักวิเคราะห์ส่วนมากคาดการณ์ว่าตัวเลขจะออกมาไม่ดี ผลจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินบาทที่แข็งค่า แต่เมื่อตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ออกมาดีเกินคาด จึงไม่เป็นแรงกดดันให้ กนง.ต้องปรับลดดอกเบี้ย

ปัจจัยที่มีแรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยของไทยนั้น คือ จะต้องติดตามการประชุมของเฟดในครั้งต่อไป หรือจะมีการประชุมนอกรอบเพื่อปรับลดดอกเบี้ยแรงๆ หรือไม่ ซึ่งหากเฟดปรับลดดอกเบี้ยและไทยยังคงอัตราดอกเบี้ย จะทำให้เงินไหลเข้าประเทศมากขึ้น ซึ่งมีผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าไปที่ 32 บาทต่อดอลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทนั้น จะต้องติดตามการแข็งค่าของค่าเงินในภูมิภาคด้วย ส่วนมาตรการสำรอง 30 % เงินทุนระยะสั้น ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า เพราะในปัจจัยเงินจากต่างประเทศได้ไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นปกติ

“การประชุม กนง.ในวันนี้ จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยลงหรือคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิมนั้น น่าจะ 50 ต่อ 50 เพราะตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ของไทยออกมาดีมาก แม้ว่าภาคธุรกิจจะต้องประสบปัญหาราคาน้ำมันแพง และค่าเงินบาทที่แข็ง แต่ภาคธุรกิจยังไปได้ดี” นายตรรก กล่าว

นายบรรลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย สายบริหารความเสี่ยง ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) BT กล่าวว่า การคาดเดาผลการประชุมว่า ธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ยหรือลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกนั้นเป็นไปค่อนข้างยาก จากก่อนหน้านี้ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยน่าจะมีการปรับลดลง เพราะในช่วงใกล้ถึงวันประชุมของ กนง. ราคาน้ำมันได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นแรงกดดันให้เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน จึงทำให้การลดดอกเบี้ยมีความยากขึ้น

“โดยส่วนตัวนั้นยอมรับว่า เป็นการประเมินที่ยากมากเพราะครั้งนี้ ธปท.น่าจะคิดมากเป็นพิเศษ แต่ถ้าจะให้ฟันธงจริงๆ คิดว่าน่าจะคงไว้ที่ระดับ 3.25% เหมือนเดิม” นายบรรลือศักดิ์ กล่าว

***“หมัก-เลี้ยบ” โยนสื่อมั่วข่าวบาท

วานนี้ (26 ก.พ.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธหลังหนังสือพิมพ์บางฉบับ อ้างว่านายกฯ ต้องการให้ไทยเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนจากลอยตัวแบบมีการจัดการเป็นแบบคงที่ โดย นายสมัคร ระบุว่า ตนไม่มีแนวคิดดังกล่าว หรือตามรูปแบบมาเลเซียแต่อย่างใด พร้อมอ้างว่า “สื่อมวลชนฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด”

ส่วน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า ไม่มีแนวคิดจะนำระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่มาใช้ โดยขณะนี้ยังคงเป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวแบบมีการจัดการ

“อาจจะลำบากถ้าจะกลับไปใช้ระบบคงที่เหมือนในอดีต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนจะมีแค่ 2 รูปแบบแค่นั้น กรณีนี้เป็นการยกตัวอย่างเป็นกรณีศึกษา ไม่ใช่นโยบาย คงไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณใดๆ ระบบเดิมยังมีความเหมาะสม” รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่าวและว่า รัฐบาลเปิดกว้างในการเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพราะมีบางวิธีที่ได้รับการบอกเล่าและคำปรึกษาจากผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน และรัฐบาลก็ไม่ต้องการปิดหูปิดตา

ส่วนกรณีที่ นายกรัฐมนตรี ยกตัวอย่างประเทศมาเลเซียที่ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่คงเป็นเพราะเห็นว่ามาเลเซียประสบความสำเร็จในการนำมาใช้แก้ไขปัญหาเมื่อครั้งเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่การแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวก็อาจมีลักษณะเฉพาะบางประเทศ เนื่องจากสภาพแวดล้อมในแต่ละประเทศแตกต่างกัน ไม่สามารถนำมาใช้กับประเทศอื่น
กำลังโหลดความคิดเห็น