นายแบงก์ประสานเสียง ภาพรวมการแข่งขันของสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารพาณิชย์ในปีนี้ ยังรุนแรงพอสมควร รับแรงหนุนจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และความชัดเจนด้านนโยบายของรัฐบาล ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อน โดยคาดว่า จะขยายตัวที่ 6-8% วอนรัฐบาลนำนโยบายการเงิน-การคลัง มาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายภาคเอกชนต่อเนื่อง
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า ในปีนี้การแข่งขันของสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาพาณิชย์นั้น จะมีความรุนแรงมาก เนื่องจากการมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะมีการประกาศนโยบายการทำงานออกมาอย่างชัดเจน รวมถึงแผนในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนกลับมา ซึ่งจะส่งผลให้สินเชื่อมีการขยายตัวตามไปด้วย รวมถึงสินเชื่อรายย่อยที่น่าจะมีการขยายตัวได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการแข่งขันดังกล่าวเชื่อว่า ธนาคารต่างๆ จะมีการคิดค้นกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้จูงใจลูกค้าให้มาขอสินเชื่อกับธนาคารตนเองมากขึ้น โดยกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ อาทิ การให้บริการที่รวดเร็วมากขึ้น การเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและการปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด
“เพื่อให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตต่อไปได้ จึงอยากให้รัฐบาลหามาตรการกระตุ้นให้ประชาชนมีศักยภาพที่จะใช้จ่าย นอกเหนือจากมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เช่น มาตรการค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่ายน่าจะปรับลดลงอีก หรือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและภาษีหักลดหย่อน โดยการนำนโยบายการเงินการคลังมาใช้กระตุ้น ในท้ายสุด สิ่งที่อยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดในตอนนี้ คือ น่าจะมีการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานต่างๆ ที่นับวันจะเหลือน้อยลงทุกที หรือกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในภาคการเกษตรให้มากที่สุด และปรับปรุงระบบลอจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพ ประกอบกับต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับกฎหมายนักลงทุนต่างชาติ” นายสุภัค กล่าว
นายสุภัค กล่าวว่า ในส่วนแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปีนี้ คาดว่า มีโอกาสขยายตัวที่ 6-8% ซึ่งจะดีกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากประชาชนกล้าตัดสินใจใช้จ่ายมากขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง ในขณะที่ความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์มีมากขึ้น อีกทั้งภาครัฐจะนำมาตรการต่างๆ มากระตุ้นให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ เช่น โครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้ มองว่า อสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมและบ้านราคาปานกลางตั้งแต่ 4 ล้านบาท ลงมา จะได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก
ด้าน นายบันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลสายงานสำนักวิจัย ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) หรือ BT กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่าตลาดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้จะมีการแข่งขันกันพอสมควร แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรงหรืออาจจะอยู่ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้วก็อาจเป็นไปได้ เนื่องจากการแข่งขันปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยนั้นได้มีมานานแล้วประกอบกับปัจจัยภายเสี่ยงภายในประเทศยังมีอยู่ จึงทำให้ประชาชนยังคงอยู่ในสภาวะที่มีการชะลอการใช้จ่าย
ในขณะที่ธุรกิจภาคการส่งออกมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวลดลงจากปีที่แล้ว เพราะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้น บวกกับเศรษฐกิจสหรัฐฯค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะถดถอยลงอีก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้วย เพราะกลไกทางเศรษฐกิจมันมีความเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน สาเหตุมาจากภาคการส่งออกจะอิงกับรายได้ของประชาชนภายในประเทศ ถ้าหากการส่งออกไม่ดี รายได้ทางด้านแรงงานก็จะไม่ดี ซึ่งก็จะทำให้กำไรทางธุรกิจลดลงตามไปด้วย และท้ายสุดกำลังในการซื้อของคนก็จะชะลอลงอีก แต่ก็เชื่อว่าปัจจัยภายในประเทศด้านอื่นๆ จะดีขึ้นจากการที่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศอย่างจริงจัง
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า ในปีนี้การแข่งขันของสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาพาณิชย์นั้น จะมีความรุนแรงมาก เนื่องจากการมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะมีการประกาศนโยบายการทำงานออกมาอย่างชัดเจน รวมถึงแผนในเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนกลับมา ซึ่งจะส่งผลให้สินเชื่อมีการขยายตัวตามไปด้วย รวมถึงสินเชื่อรายย่อยที่น่าจะมีการขยายตัวได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการแข่งขันดังกล่าวเชื่อว่า ธนาคารต่างๆ จะมีการคิดค้นกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้จูงใจลูกค้าให้มาขอสินเชื่อกับธนาคารตนเองมากขึ้น โดยกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ อาทิ การให้บริการที่รวดเร็วมากขึ้น การเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและการปรับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด
“เพื่อให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตต่อไปได้ จึงอยากให้รัฐบาลหามาตรการกระตุ้นให้ประชาชนมีศักยภาพที่จะใช้จ่าย นอกเหนือจากมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เช่น มาตรการค่าธรรมเนียมค่าใช้จ่ายน่าจะปรับลดลงอีก หรือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและภาษีหักลดหย่อน โดยการนำนโยบายการเงินการคลังมาใช้กระตุ้น ในท้ายสุด สิ่งที่อยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิดในตอนนี้ คือ น่าจะมีการแก้ไขปัญหาด้านพลังงานต่างๆ ที่นับวันจะเหลือน้อยลงทุกที หรือกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในภาคการเกษตรให้มากที่สุด และปรับปรุงระบบลอจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพ ประกอบกับต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับกฎหมายนักลงทุนต่างชาติ” นายสุภัค กล่าว
นายสุภัค กล่าวว่า ในส่วนแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปีนี้ คาดว่า มีโอกาสขยายตัวที่ 6-8% ซึ่งจะดีกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากประชาชนกล้าตัดสินใจใช้จ่ายมากขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง ในขณะที่ความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์มีมากขึ้น อีกทั้งภาครัฐจะนำมาตรการต่างๆ มากระตุ้นให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ เช่น โครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ เป็นต้น ทั้งนี้ มองว่า อสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมและบ้านราคาปานกลางตั้งแต่ 4 ล้านบาท ลงมา จะได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก
ด้าน นายบันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลสายงานสำนักวิจัย ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) หรือ BT กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่าตลาดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้จะมีการแข่งขันกันพอสมควร แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรงหรืออาจจะอยู่ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้วก็อาจเป็นไปได้ เนื่องจากการแข่งขันปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยนั้นได้มีมานานแล้วประกอบกับปัจจัยภายเสี่ยงภายในประเทศยังมีอยู่ จึงทำให้ประชาชนยังคงอยู่ในสภาวะที่มีการชะลอการใช้จ่าย
ในขณะที่ธุรกิจภาคการส่งออกมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวลดลงจากปีที่แล้ว เพราะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้น บวกกับเศรษฐกิจสหรัฐฯค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะถดถอยลงอีก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้วย เพราะกลไกทางเศรษฐกิจมันมีความเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน สาเหตุมาจากภาคการส่งออกจะอิงกับรายได้ของประชาชนภายในประเทศ ถ้าหากการส่งออกไม่ดี รายได้ทางด้านแรงงานก็จะไม่ดี ซึ่งก็จะทำให้กำไรทางธุรกิจลดลงตามไปด้วย และท้ายสุดกำลังในการซื้อของคนก็จะชะลอลงอีก แต่ก็เชื่อว่าปัจจัยภายในประเทศด้านอื่นๆ จะดีขึ้นจากการที่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศอย่างจริงจัง