IEC แจงกรณีการฟ้องร้องเป็นคดีซื้อขายไม้ ยันปัญหาที่เกิดไม่ได้เกิดจากบริษัท และจะใช้สิทธิตามกฎหมายที่จะต่อสู้คดีกับ SSA ในฐานะคู่สัญญาตามครรลองของกฎหมาย พร้อมเปิดเจรจาหาข้อยุติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย
นางสัณห์จุฑา วิชชาวุธ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) ( IEC ) แจ้งว่าบริษัทได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องของศาลแพ่ง ในคดีหมายเลขดำที่ 66 /2551 จากศาลแพ่ง ว่าบริษัทสยามสโตน อาร์คิเทค จำกัด (SSA) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อดำเนินคดีแพ่งในข้อหาผิดสัญญาซื้อขายไม้ และเรียกค่าเสียหายเอากับบริษัทฯ โดยมีจำนวนทุนทรัพย์ตามฟ้องของโจทก์ 80,896,416.62 บาท
โดยการฟ้องร้องคดีดังกล่าว SSA ได้กล่าวอ้างว่า เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม2549 SSA ได้ชำระเงินงวดตามสัญญาซื้อขายไม้ระหว่างบริษัทฯ กับ SSA ให้กับบริษัทฯ ไปแล้วในงวดที่ 1. เป็นเงิน 50,000,000 บาท พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,500,000 บาท รวมเป็น53,500,000 บาท แต่ในภายหลังบริษัทฯ และบริษัท คริสตัล อะโกร จำกัด (CTA)ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชาก็ยังไม่สามารถดำเนินการให้หน่วยงานของรัฐบาลกัมพูชา อนุมัติผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ อันยังผลให้ SSA ไม่สามารถที่จะตัดไม้และนำไม้ออกจากพื้นที่ป่าไม้ได้ และประกอบกับต่อมา ณ ปัจจุบันนี้รัฐบาลกัมพูชาได้กำหนดและปรับเปลี่ยนนโยบายและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินงานป่าไม้ออกมาใหม่อีกว่า
บริษัทที่ได้รับ สัมปทานทุกบริษัท ยังไม่สามารถจะตัดไม้และนำไม้ออกมาจากพื้นที่ได้ หากประสงค์จะนำไม้ออกจากพื้นที่สัมปทาน จะต้องทำการประมูลไม้ที่ได้จากการแผ้วถางป่าพื้นที่สัมปทานกับรัฐบาลกัมพูชาเสียก่อน SSA จึงเห็นว่าการที่บริษัทฯ และ CTA ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่เพื่อให้ SSA เข้าไปตัดและนำไม้ออกจากพื้นที่สัมปทานดังกล่าว มาจนบัดนี้ นั้น SSA ถือว่าเป็นการผิดสัญญาต่อ SSA ทำให้ SSA ได้รับความเสียหาย SSA จึงขอบอกเลิกสัญญากับบริษัทฯ และขอให้บริษัทฯ ชำระเงินที่ SSA ได้ชำระไว้ตามที่กล่าวข้างต้นแล้วคืน พร้อมกับให้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ SSA รวมเป็นเงินทั้งสิ้นตามจำนวนทุนทรัพย์ตามฟ้องของ SSA ตามที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น
บริษัทฯ ชี้แจงว่าการฟ้องร้องคดีดังกล่าวของ SSA ถือเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ SSA พึงจะกระทำได้ โดยแท้ที่จริงมูลเหตุของข้อพิพาทในคดีนี้ บริษัทฯ มิได้เป็นต้นเหตุ หรือมีส่วนที่จะทำให้เกิดปัญหาโดยตรงไม่ เพราะตามสัญญาซื้อขายไม้ระหว่าง CTA กับบริษัทฯ ก็ดี หรือ ระหว่างบริษัทฯ กับ SSA ก็ดี บริษัทฯ ไม่ได้มีหน้าที่ในการเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลกัมพูชา
ทั้งนี้ เป็นหน้าที่โดยตรงของ CTA ที่จะต้องเป็นผู้ติดต่อประสานงานต่อหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลกัมพูชาเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตเพื่อการตัดและชักลากไม้ออกมาจากพื้นที่สัมปทานได้ แต่เนื่องจากปัญหาความล่าช้าในการที่จะต้องดำเนินการต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตตัดและชักลากไม้ออกจากพื้นที่สัมปทานเกิดขึ้นจากการที่ CTA จำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งมีขั้นตอนที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก และสลับซับซ้อน และต้องใช้ระยะเวลาการดำเนินการที่มากเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ตามแผนงาน กอปรกับเมื่อประมาณปลายปี 2550 รัฐบาลกัมพูชาได้ประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับการป่าไม้ขึ้นมาใหม่ โดยมีผลบังคับใช้ ณ ปัจจุบัน ว่า ผู้รับสัมปทานทุกรายในประเทศกัมพูชาที่ประสงค์จะตัดและชักลากไม้ออกมาจากพื้นที่สัมปทานจะต้องทำการประมูลไม้ที่จะทำการชักลากไม้ออกมาจากพื้นที่สัมปทานกับรัฐบาลกัมพูชาเสียก่อน
ทั้ง ๆ ที่นโยบายเดิมของรัฐบาลกัมพูชาที่ใช้ในช่วงที่มีการทำสัญญาซื้อขายไม้กันระหว่าง CTA กับ บริษัทฯ และ ระหว่างบริษัทฯ กับ SSA ก็มิได้กำหนดให้มีการประมูลก่อนนำไม้ออกจากพื้นที่สัมปทานแต่อย่างใด การปรับเปลี่ยนนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลกัมพูชา มีผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทต่าง ๆ ที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งรวมไปถึง CTA ด้วย และยังส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังบริษัทฯและ SSA ในฐานะผู้ซื้อไม้จาก CTA มาเป็นทอด ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับการฟ้องร้องคดีดังกล่าวของ SSA เนื่องจากเหตุแห่งปัญหาดังกล่าว มิได้เป็นเหตุอันเกิดมาจากบริษัทฯ แต่ประการใด โดยเบื้องต้น บริษัทฯ ก็คงใช้สิทธิตามกฎหมายที่จะต่อสู้คดีกับ SSA ในฐานะคู่สัญญาตามครรลองของกฎหมาย ทั้งนี้ ในการดำเนินคดีดังกล่าวบริษัทฯ อาจใช้สิทธิฟ้องร้อง หรือใช้สิทธิไล่เบี้ยเอากับ CTA ในฐานะคู่สัญญาชั้นต้นของบริษัทฯหรือดำเนินการเจรจาร่วมกันระหว่าง 3 ฝ่าย คือ CTA , บริษัทฯ และ SSA เพื่อหาแนวทางแก้ไขและเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคู่สัญญาร่วมกันทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
นางสัณห์จุฑา วิชชาวุธ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) ( IEC ) แจ้งว่าบริษัทได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องของศาลแพ่ง ในคดีหมายเลขดำที่ 66 /2551 จากศาลแพ่ง ว่าบริษัทสยามสโตน อาร์คิเทค จำกัด (SSA) ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อดำเนินคดีแพ่งในข้อหาผิดสัญญาซื้อขายไม้ และเรียกค่าเสียหายเอากับบริษัทฯ โดยมีจำนวนทุนทรัพย์ตามฟ้องของโจทก์ 80,896,416.62 บาท
โดยการฟ้องร้องคดีดังกล่าว SSA ได้กล่าวอ้างว่า เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม2549 SSA ได้ชำระเงินงวดตามสัญญาซื้อขายไม้ระหว่างบริษัทฯ กับ SSA ให้กับบริษัทฯ ไปแล้วในงวดที่ 1. เป็นเงิน 50,000,000 บาท พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,500,000 บาท รวมเป็น53,500,000 บาท แต่ในภายหลังบริษัทฯ และบริษัท คริสตัล อะโกร จำกัด (CTA)ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชาก็ยังไม่สามารถดำเนินการให้หน่วยงานของรัฐบาลกัมพูชา อนุมัติผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ อันยังผลให้ SSA ไม่สามารถที่จะตัดไม้และนำไม้ออกจากพื้นที่ป่าไม้ได้ และประกอบกับต่อมา ณ ปัจจุบันนี้รัฐบาลกัมพูชาได้กำหนดและปรับเปลี่ยนนโยบายและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินงานป่าไม้ออกมาใหม่อีกว่า
บริษัทที่ได้รับ สัมปทานทุกบริษัท ยังไม่สามารถจะตัดไม้และนำไม้ออกมาจากพื้นที่ได้ หากประสงค์จะนำไม้ออกจากพื้นที่สัมปทาน จะต้องทำการประมูลไม้ที่ได้จากการแผ้วถางป่าพื้นที่สัมปทานกับรัฐบาลกัมพูชาเสียก่อน SSA จึงเห็นว่าการที่บริษัทฯ และ CTA ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่เพื่อให้ SSA เข้าไปตัดและนำไม้ออกจากพื้นที่สัมปทานดังกล่าว มาจนบัดนี้ นั้น SSA ถือว่าเป็นการผิดสัญญาต่อ SSA ทำให้ SSA ได้รับความเสียหาย SSA จึงขอบอกเลิกสัญญากับบริษัทฯ และขอให้บริษัทฯ ชำระเงินที่ SSA ได้ชำระไว้ตามที่กล่าวข้างต้นแล้วคืน พร้อมกับให้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ SSA รวมเป็นเงินทั้งสิ้นตามจำนวนทุนทรัพย์ตามฟ้องของ SSA ตามที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น
บริษัทฯ ชี้แจงว่าการฟ้องร้องคดีดังกล่าวของ SSA ถือเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ SSA พึงจะกระทำได้ โดยแท้ที่จริงมูลเหตุของข้อพิพาทในคดีนี้ บริษัทฯ มิได้เป็นต้นเหตุ หรือมีส่วนที่จะทำให้เกิดปัญหาโดยตรงไม่ เพราะตามสัญญาซื้อขายไม้ระหว่าง CTA กับบริษัทฯ ก็ดี หรือ ระหว่างบริษัทฯ กับ SSA ก็ดี บริษัทฯ ไม่ได้มีหน้าที่ในการเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลกัมพูชา
ทั้งนี้ เป็นหน้าที่โดยตรงของ CTA ที่จะต้องเป็นผู้ติดต่อประสานงานต่อหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลกัมพูชาเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตเพื่อการตัดและชักลากไม้ออกมาจากพื้นที่สัมปทานได้ แต่เนื่องจากปัญหาความล่าช้าในการที่จะต้องดำเนินการต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตตัดและชักลากไม้ออกจากพื้นที่สัมปทานเกิดขึ้นจากการที่ CTA จำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งมีขั้นตอนที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก และสลับซับซ้อน และต้องใช้ระยะเวลาการดำเนินการที่มากเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ตามแผนงาน กอปรกับเมื่อประมาณปลายปี 2550 รัฐบาลกัมพูชาได้ประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับการป่าไม้ขึ้นมาใหม่ โดยมีผลบังคับใช้ ณ ปัจจุบัน ว่า ผู้รับสัมปทานทุกรายในประเทศกัมพูชาที่ประสงค์จะตัดและชักลากไม้ออกมาจากพื้นที่สัมปทานจะต้องทำการประมูลไม้ที่จะทำการชักลากไม้ออกมาจากพื้นที่สัมปทานกับรัฐบาลกัมพูชาเสียก่อน
ทั้ง ๆ ที่นโยบายเดิมของรัฐบาลกัมพูชาที่ใช้ในช่วงที่มีการทำสัญญาซื้อขายไม้กันระหว่าง CTA กับ บริษัทฯ และ ระหว่างบริษัทฯ กับ SSA ก็มิได้กำหนดให้มีการประมูลก่อนนำไม้ออกจากพื้นที่สัมปทานแต่อย่างใด การปรับเปลี่ยนนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลกัมพูชา มีผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทต่าง ๆ ที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งรวมไปถึง CTA ด้วย และยังส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังบริษัทฯและ SSA ในฐานะผู้ซื้อไม้จาก CTA มาเป็นทอด ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับการฟ้องร้องคดีดังกล่าวของ SSA เนื่องจากเหตุแห่งปัญหาดังกล่าว มิได้เป็นเหตุอันเกิดมาจากบริษัทฯ แต่ประการใด โดยเบื้องต้น บริษัทฯ ก็คงใช้สิทธิตามกฎหมายที่จะต่อสู้คดีกับ SSA ในฐานะคู่สัญญาตามครรลองของกฎหมาย ทั้งนี้ ในการดำเนินคดีดังกล่าวบริษัทฯ อาจใช้สิทธิฟ้องร้อง หรือใช้สิทธิไล่เบี้ยเอากับ CTA ในฐานะคู่สัญญาชั้นต้นของบริษัทฯหรือดำเนินการเจรจาร่วมกันระหว่าง 3 ฝ่าย คือ CTA , บริษัทฯ และ SSA เพื่อหาแนวทางแก้ไขและเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคู่สัญญาร่วมกันทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
