ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ร่วมกองทุนให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา เปิดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมการศึกษาก่อนฟ้องร้องบังคับคดีนักศึกษาที่กู้ยืมเงินกองทุนไม่ชำระหนี้คืน เกิน 5 งวด ที่จะนำไปสู่การฟ้องร้องบังคับคดีในปี 2551 เผย บุรีรัมย์ มีมากถึงกว่า 4,600 ราย
วันนี้ (23 ม.ค.) นายวิเทพ อริยสัจจากร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ได้ร่วมกับกองทุนให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาจัดโครงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ก่อนฟ้องร้องบังคับคดี ปีงบประมาณ 2551 ในวันที่ 12-15 ก.พ.นี้ บริเวณหน้าศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่กู้ยืมเงินจากกองทุนที่ครบกำหนดชำระตามเงื่อนไข แต่ไม่ชำระคืนเงินกู้ให้กับกองทุนในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียงมาเข้าร่วมโครงการ
โดยจังหวัดบุรีรัมย์ มีนักศึกษาค้างชำระเงินกู้ที่จะถูกฟ้องร้องจำนวนกว่า 4,600 ราย หากนักศึกษาคนใดที่เข้าร่วมโครงการไกล่เกลี่ยดังกล่าว จะได้รับสิทธิพิเศษ ถ้าสามารถชำระหนี้ได้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 มี.ค.2551 ก็จะได้ลดเบี้ยปรับถึง 80% ส่วนผู้ที่ทำคำรับรองขอชำระหนี้ที่ค้างให้เสร็จภายในวันที่ 31 มี.ค.จะได้ลดเบี้ยปรับ 65% หรือหากทำสัญญาประนีประนอมยอมความในวันนัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาท จะได้ลดเบี้ยปรับ 50%
แต่ถ้าหากผู้กู้ทำสัญญาชำระหนี้ทั้งหมด หรือหนี้คงค้างแล้วไม่ชำระหนี้ตามสัญญาก็จะถือว่าผิดสัญญา ทางกองทุนจะส่งเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมตัดสิทธิพิเศษในการลดเบี้ยปรับดังกล่าว
ส่วนหลักเกณฑ์การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องร้องคดี มีดังนี้
1.ผู้กู้ยืมที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นผู้ที่มีหนี้ค้างชำระตั้งแต่ 5 งวดขึ้นไป และต้องถูกดำเนินคดีในปี 2551 เท่านั้น
2.ผู้กู้ยืม และผู้ค้ำประกันต้องเข้าร่วมโครงการด้วยตนเอง ในกรณีที่ผู้กู้ หรือผู้ค้ำประกัน ไม่สามารถมาด้วยตนเองได้ ให้ทำหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลใด บุคคลหนึ่งที่บรรลุนิติภาวะมาทำแทนได้
3.ในกรณีที่ผู้ค้ำประกันเสียชีวิตให้นำสำเนาใบมรณบัตรของผู้ค้ำประกันมาแสดงด้วย หรือกรณีผู้ค้ำประกันไม่สามารถติดต่อไปให้ผู้กู้จัดหาผู้ค้ำประกันรายใหม่มาแทนโดยต้องเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ มีอาชีพ มีรายได้ที่แน่นอน
4.ผู้กู้ยืมที่เข้าร่วมโครงการต้องนำหลักฐาน สำเนาบัตรประจำประชาชน ทะเบียนบ้านของผู้กู้ และผู้ค้ำประกัน พร้อมเอกสารตัวจริงมายื่นแสดงด้วย หากผู้กู้หรือผู้ค้ำมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมาแทน ต้องนำหนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจ พร้อมเอกสารตัวจริงมาด้วย
นายวิเทพ กล่าวอีกว่า เงินที่ได้จากการชำระหนี้คืนดังกล่าว ทางกองทุนจะได้นำไปให้นักศึกษารุ่นน้อง ที่ต้องการทุนการศึกษาได้กู้ยืมเพื่อศึกษาต่อ ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสให้กับรุ่นน้องๆ ต่อไป รวมทั้งยังเป็นประโยชน์กับผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะได้ไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง ทั้งค่าธรรมเนียม และค่าทนาย และได้รับโอกาสในการผ่อนชำระหนี้
“สามารถทราบผลไกล่เกลี่ยได้ทีนทีที่ไกล่เกลี่ย ไม่ต้องเสียเวลามาศาลเพื่อฟังการพิจารณาคดี นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังสามารถลดจำนวนคดีที่จะขึ้นสู่ศาลให้น้อยลงอีกด้วย” นายวิเทพ กล่าว
