CK เลื่อนชำระคืนเงินกู้ที่กิจการร่วมค้ากลุ่มบริษัท ซีเคเออีและซีเคอีที ให้กู้ยืมแก่ผู้รับเหมาช่วงและรายการเงินให้กู้ยืมระยะยาวตามที่ได้รับจดหมายแจ้ง อ้างปัญหาราคาวัสดุก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในปี50 ขณะที่เงินที่ให้กู้ยืมแก่ BCI นั้นจะรับชำระคืนภายในมิถุนายน 52
นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) แจ้งว่าตามที่บริษัทเปิดเผยข้อมูลเรื่องรายการเงินที่กิจการร่วมค้า กลุ่มบริษัท ซีเคเออี คอนซอร์เตียม (CKAE) ให้กู้ยืมแก่ผู้รับเหมาช่วงและรายการเงินให้กู้ยืมระยะยาวที่กิจการร่วมค้า ซีเคอีที (CKET) ให้กู้ยืมแก่บริษัทอื่นที่ถึงกำหนดชำระคืนภายในหนึ่งปีไม่สามารถปฏิบัติตามที่เปิดเผยได้
เนื่องจาก บริษัท โมเดิร์น คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด (MCM) และบริษัท เบสท์ แพลน เทคโนโลยี่ จำกัด (BPT) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงของกิจการร่วมค้า กลุ่มบริษัท CKAE ได้มีจดหมายแจ้งขอขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 50 และ 27 พฤศจิกายน 50 ตามลำดับ
ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาวัสดุก่อสร้างปรับสูงขึ้น และโครงการก่อสร้างภายในปี 50 ลดลงอย่างมาก ส่วนเงินต้นคงค้าง ณ 30 พฤศจิกายน 50 นั้น MCM มีภาระเงินต้นคงเหลือ 54.8 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงค้าง 0.1 ล้านบาท และ BPT มีภาระเงินต้นคงเหลือ 209.7 ล้านบาท และดอกเบี้ยคงค้าง 43.5 ล้านบาท โดยเลื่อนจากกำหนดเดิมที่ต้องชำระคืนทั้งจำนวนจากภายใน 31 ธันวาคม 50 เป็นภายใน 31 ธันวาคม 51
ขณะที่บริษัทระยอง เรียลเอสเตท จำกัด (RY) และบริษัท ไพรเวท อินเตอร์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (PIC) ซึ่งเป็นลูกหนี้เงินกู้ยืมของกิจการร่วมค้า CKET ได้ยื่นแจ้งขอขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 50 เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในปี 50 ทำให้โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่อาจดำเนินงานได้ตามแผนงาน ส่งผลให้การชำระหนี้ต้องล่าช้าออกไป
ทั้งนี้ บริษัททั้ง 4 ได้ทยอยชำระดอกเบี้ยจ่ายและเงินต้นบางส่วนคิดตามสัดส่วนการร่วมค้าของบริษัท 746.90 ล้านบาท ให้แก่ CKET เป็นเงิน 217.4 ล้านบาท และ CKAE เป็นเงิน 529.5 ล้านบาทมาโดยตลอด อีกทั้ง RY ได้เสนอขอขายที่ดินที่วางเป็นประกันหนี้ที่มีกับ CKET เพื่อหักกลบลบหนี้เงินกู้หาก CKET เร่งรัดการชำระคืนเงินกู้ตามกำหนดการเดิม ซึ่งคณะกรรมการของ CKAE และ CKET ได้พิจารณาขยายระยะเวลาการชำระคืนให้แก่ทั้งสี่บริษัทเมื่อ 3 ธันวาคม 50 และ 11 ธันวาคม 50 ตามลำดับ และคณะกรรมการบริหารของบริษัทก็พิจารณาอนุมัติแล้ว
นอกจากนี้ ภาระเงินกู้บริษัท บางกอก คอนกรีต อินดัสทรี จำกัด (BCI) ในรายการให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยและดอกเบี้ยค้างรับ 122.24 ล้านบาท (เงินต้น111.41 ล้านบาทและดอกเบี้ย10.83 ล้านบาท) และรายการลูกหนี้ค่าขายวัสดุก่อสร้างและอื่นๆ 66.66 ล้านบาทนั้น บริษัท ไวเด้น โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BCI ได้ออกหนังสือค้ำประกันภาระหนี้ดังกล่าวทั้งจำนวนไว้กับบริษัทเมื่อ 25 ธันวาคม 50 และแจ้งว่าจะดำเนินการให้ BCI ทยอยชำระคืนหนี้เงินกู้และรายการลูกหนี้ค้าขายวัสดุก่อสร้างทั้งจำนวนให้แก่บริษัทให้เสร็จสิ้นภายใน 30 มิถุนายน 52
นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) แจ้งว่าตามที่บริษัทเปิดเผยข้อมูลเรื่องรายการเงินที่กิจการร่วมค้า กลุ่มบริษัท ซีเคเออี คอนซอร์เตียม (CKAE) ให้กู้ยืมแก่ผู้รับเหมาช่วงและรายการเงินให้กู้ยืมระยะยาวที่กิจการร่วมค้า ซีเคอีที (CKET) ให้กู้ยืมแก่บริษัทอื่นที่ถึงกำหนดชำระคืนภายในหนึ่งปีไม่สามารถปฏิบัติตามที่เปิดเผยได้
เนื่องจาก บริษัท โมเดิร์น คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด (MCM) และบริษัท เบสท์ แพลน เทคโนโลยี่ จำกัด (BPT) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วงของกิจการร่วมค้า กลุ่มบริษัท CKAE ได้มีจดหมายแจ้งขอขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 50 และ 27 พฤศจิกายน 50 ตามลำดับ
ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาวัสดุก่อสร้างปรับสูงขึ้น และโครงการก่อสร้างภายในปี 50 ลดลงอย่างมาก ส่วนเงินต้นคงค้าง ณ 30 พฤศจิกายน 50 นั้น MCM มีภาระเงินต้นคงเหลือ 54.8 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงค้าง 0.1 ล้านบาท และ BPT มีภาระเงินต้นคงเหลือ 209.7 ล้านบาท และดอกเบี้ยคงค้าง 43.5 ล้านบาท โดยเลื่อนจากกำหนดเดิมที่ต้องชำระคืนทั้งจำนวนจากภายใน 31 ธันวาคม 50 เป็นภายใน 31 ธันวาคม 51
ขณะที่บริษัทระยอง เรียลเอสเตท จำกัด (RY) และบริษัท ไพรเวท อินเตอร์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (PIC) ซึ่งเป็นลูกหนี้เงินกู้ยืมของกิจการร่วมค้า CKET ได้ยื่นแจ้งขอขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 50 เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในปี 50 ทำให้โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่อาจดำเนินงานได้ตามแผนงาน ส่งผลให้การชำระหนี้ต้องล่าช้าออกไป
ทั้งนี้ บริษัททั้ง 4 ได้ทยอยชำระดอกเบี้ยจ่ายและเงินต้นบางส่วนคิดตามสัดส่วนการร่วมค้าของบริษัท 746.90 ล้านบาท ให้แก่ CKET เป็นเงิน 217.4 ล้านบาท และ CKAE เป็นเงิน 529.5 ล้านบาทมาโดยตลอด อีกทั้ง RY ได้เสนอขอขายที่ดินที่วางเป็นประกันหนี้ที่มีกับ CKET เพื่อหักกลบลบหนี้เงินกู้หาก CKET เร่งรัดการชำระคืนเงินกู้ตามกำหนดการเดิม ซึ่งคณะกรรมการของ CKAE และ CKET ได้พิจารณาขยายระยะเวลาการชำระคืนให้แก่ทั้งสี่บริษัทเมื่อ 3 ธันวาคม 50 และ 11 ธันวาคม 50 ตามลำดับ และคณะกรรมการบริหารของบริษัทก็พิจารณาอนุมัติแล้ว
นอกจากนี้ ภาระเงินกู้บริษัท บางกอก คอนกรีต อินดัสทรี จำกัด (BCI) ในรายการให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยและดอกเบี้ยค้างรับ 122.24 ล้านบาท (เงินต้น111.41 ล้านบาทและดอกเบี้ย10.83 ล้านบาท) และรายการลูกหนี้ค่าขายวัสดุก่อสร้างและอื่นๆ 66.66 ล้านบาทนั้น บริษัท ไวเด้น โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BCI ได้ออกหนังสือค้ำประกันภาระหนี้ดังกล่าวทั้งจำนวนไว้กับบริษัทเมื่อ 25 ธันวาคม 50 และแจ้งว่าจะดำเนินการให้ BCI ทยอยชำระคืนหนี้เงินกู้และรายการลูกหนี้ค้าขายวัสดุก่อสร้างทั้งจำนวนให้แก่บริษัทให้เสร็จสิ้นภายใน 30 มิถุนายน 52
