“ฉลองภพ” คาดได้ข้อสรุปค่าเช่าท่อก๊าซฯ วันนี้ เร่งทำแผนชง ครม.อนุมัติทัน อังคารหน้า คาดเบื้องต้น 7.9 พันล้าน “ประเสริฐ” เผยตัวเลขเท่าไรก็ต้องทำใจยอมรับ
วันนี้ (18 ม.ค.) นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าในการกำหนดหลักเกณฑ์ค่าเช่าที่ราชพัสดุและท่อส่งก๊าซของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในวันนี้ เพื่อที่จะมีเวลาเพียงพอในการเตรียมข้อมูลก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาวันอังคารหน้า
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าข้อสรุปเบื้องต้นที่เปิดเผยได้ คือ การประเมินค่าเช่าท่อก๊าซจะต้องมองไปข้างหน้า เนื่องจากในอนาคตท่อส่งก๊าซของกระทรวงการคลังอาจจะหมดอายุลง หรือในอนาคตเกิดมีการปรับค่าผ่านท่อใหม่จึงต้องมีการหารือกันเพื่อหาสูตรใหม่ในการคำนวณ อีกทั้งจะต้องมีการหารือกันถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับรายได้ค่าผ่านท่อในเบื้องต้นที่ 5,700 ล้านบาทต่อปีนั้นก็มาจากรายได้ของ 4 ปีที่ผ่านมา แต่ในส่วนของปี 50 เป็นต้นไปจะต้องหารือกันว่าจะเป็นการเพิ่มหรือลดหรือไม่อย่างไร
นายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า วันนี้ ปตท.จะมีการนำข้อมูลการประมูลค่าเช้าท่อก๊าซชุดใหม่ โดยเพิ่มเติมข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในอนาคตของบริษัทฯ ทั้งในเรื่องของการขยายท่อก๊าซจะต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ ซึ่งคาดว่าภายในวันนี้จะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับรายได้ค่าผ่านท่อ และอัตราค่าเช่าท่อก๊าซ เพื่อให้สามารถนำเสนอที่ประชุม ครม.ได้ทันในวันอังคารที่ 22 ม.ค.นี้
ด้านรายละเอียดล่าสุด กรณีสัดส่วนการคิดค่าผ่านท่อก๊าซนั้นก็มีอยู่ 2 ส่วน คือ 1.สัดส่วนเงินลงทุน 1 ใน 3 ซึ่งถ้าใช้ส่วนนี้ในอนาคตทางกระทรวงการคลังก็จะมีสัดส่วนที่ลดลง เนื่องจาก ปตท. จะมีการเพิ่มการลงทุน 2.สัดส่วนตามความยาวของท่อก๊าซ ซึ่งถ้าใช้ส่วนนี้ก็จะทำให้ได้ส่วนต่างน้อยกว่าในสัดส่วนที่ 1
ทั้งนี้ คาดว่าหากคิดค่าเช่าท่อก๊าซตลอดสัญญาเช่าที่ 30 ปีนั้น ข้อสรุปใหม่ที่จะได้ในวันนี้จะมีจำนวนเงินที่มากกว่า 7,800-7,900 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่ได้สรุปตัวเลขที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในการคิดค่าเช่าท่อฯ นั้นก็จะต้องทำด้วยความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และจะต้องไม่ทำให้มีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งต้องไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค
นอกจากนี้ การพิจารณาเกี่ยวกับรายได้ค่าผ่านท่อและอัตราค่าเช่าท่อของ ปตท. นั้น จะต้องพิจารณาอยู่บนพื้นฐานที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย คือ ส่วนไหนที่ ปตท.ควรได้รับการหักก็จะต้องได้ตามนั้น ไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่ายในการโอน 3% ของรายได้ เช่น ภาษี และดอกเบี้ย เงินต้นของเงินลงทุนปีละ 541 ล้านบาทต่อปีรวมดอกเบี้ย ซึ่งตรงนี้ก็จะต้องยอมให้ทาง ปตท.หักออกไป
ด้าน นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกอะไรได้ คงต้องรอผลสรุปของที่ประชุมฯ ซึ่งอย่างไรก็ตาม เห็นว่าตัวเลขจะออกมาเป็นเท่าไหร่ก็ต้องยอมรับเท่านั้น แต่ขอให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และสามารถอธิบายถึงเหตุผลได้ ยืนยันว่าจะได้ข้อยุติในสัปดาห์นี้แน่นอน