CRG ประสบความสำเร็จขายหุ้น PP ผ่าน บล.ฟิลลิป มูลค่ากว่า 122 ล้านบาท มั่นใจหลังเพิ่มทุนทำให้บริษัทก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมการให้บริการในธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ความปลอดภัยทางทะเล และบริการสนับสนุนฐานขุดเจาะน้ำมันในทะเล
นายฟิลลิป แอดกิ้นส์ Corporate Development Director บริษัท เซ็นทรัล ริเวอร์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG กล่าวว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นบุริมสิทธิ์แปลงสภาพ "Series A" ให้กับนักลงทุนในวงจำกัด (Private Placement : PP) มูลค่ารวม3.65 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 122 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนหลักคือ Japan Asia Investment Co., Ltd. หรือ JAIC และนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนการจัดจำหน่ายและเซ็นสัญญาเมื่อ 11 มกราคม 2551
โดยความสำเร็จของการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญของ CRG เพื่อไปสู่เป้าหมายในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการให้บริการในธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ความปลอดภัยทางทะเล และบริการสนับสนุนฐานขุดเจาะน้ำมันในทะเล รวมถึงบริการสนับสนุนการขนส่งสินค้าที่เน่าเสียง่ายทางอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งภูมิภาคอื่น ๆ เหมือนอย่างที่บริษัทย่อยของเราได้ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมาแล้ว และบริษัทมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เหมาะสมภายในอนาคตอันใกล้นี้
การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในวงจำกัดครั้งนี้ เพื่อหาเงินทุนสำหรับการก่อสร้างศูนย์บริการแห่งใหม่ในประเทศไทยที่ปิ่นทอง และการก่อสร้างท่าเรือที่ Vung Tao ประเทศเวียตนาม รวมทั้งใช้ในการผลิตอุปกรณ์ที่บริษัทได้รับสิทธิบัตรเฉพาะ ซึ่งจะนำไปใช้ในการขนส่งและจัดการกับวัตถุที่เน่าเสียได้ง่ายที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและในต่างประเทศ
สำหรับ CRG ก่อตั้งมาแล้วเป็นเวลา 18 เดือน โดยการซื้อกิจการจาก 2 บริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้บริการสนันสนุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเล และธุรกิจการให้บริการสนับสนุนการขนส่งสินค้าที่เน่าเสียง่ายทางอากาศ โดยทั้งสองบริษัทเข้าร่วมในกลุ่ม CRG ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 เป็นต้น
นายฟิลลิป แอดกิ้นส์ Corporate Development Director บริษัท เซ็นทรัล ริเวอร์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG กล่าวว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นบุริมสิทธิ์แปลงสภาพ "Series A" ให้กับนักลงทุนในวงจำกัด (Private Placement : PP) มูลค่ารวม3.65 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 122 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนหลักคือ Japan Asia Investment Co., Ltd. หรือ JAIC และนักลงทุนรายย่อยอื่นๆ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนการจัดจำหน่ายและเซ็นสัญญาเมื่อ 11 มกราคม 2551
โดยความสำเร็จของการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญของ CRG เพื่อไปสู่เป้าหมายในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการให้บริการในธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ความปลอดภัยทางทะเล และบริการสนับสนุนฐานขุดเจาะน้ำมันในทะเล รวมถึงบริการสนับสนุนการขนส่งสินค้าที่เน่าเสียง่ายทางอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งภูมิภาคอื่น ๆ เหมือนอย่างที่บริษัทย่อยของเราได้ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมาแล้ว และบริษัทมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เหมาะสมภายในอนาคตอันใกล้นี้
การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในวงจำกัดครั้งนี้ เพื่อหาเงินทุนสำหรับการก่อสร้างศูนย์บริการแห่งใหม่ในประเทศไทยที่ปิ่นทอง และการก่อสร้างท่าเรือที่ Vung Tao ประเทศเวียตนาม รวมทั้งใช้ในการผลิตอุปกรณ์ที่บริษัทได้รับสิทธิบัตรเฉพาะ ซึ่งจะนำไปใช้ในการขนส่งและจัดการกับวัตถุที่เน่าเสียได้ง่ายที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและในต่างประเทศ
สำหรับ CRG ก่อตั้งมาแล้วเป็นเวลา 18 เดือน โดยการซื้อกิจการจาก 2 บริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้บริการสนันสนุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเล และธุรกิจการให้บริการสนับสนุนการขนส่งสินค้าที่เน่าเสียง่ายทางอากาศ โดยทั้งสองบริษัทเข้าร่วมในกลุ่ม CRG ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 เป็นต้น