xs
xsm
sm
md
lg

เอ็มเอไอ ตั้งเป้าปีนี้มูลค่าแตะ 6 หมื่นล. พร้อมคลอดกองทุนร่วมทุนอีก 3 แห่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ คาดมาร์เกตแคปปี 51 แตะ 6 หมื่นล้านบาท เหตุบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียน-เพิ่มทุนขยายธุรกิจ คาดตั้งกองทุนร่วมลงทุนปีนี้ 3 กองทุน ประเดิมกองแรกไตรมาส 2/51 หลังตั้ง "เอ็มเอไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์" เสร็จไตรมาส 1/51 "ผู้บริหาร" หวัง 4-5 ปีข้างหน้าเม็ดเงินร่วมลงทุนในประเทศไทยแตะ 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันมีเพียง 1 หมื่นล้านบาท

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ตลาดเอ็มเอไอปี2551 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 60,000 ล้านบาท จากปี 2550 ที่มีมาร์เกตแคปจำนวน 38,269 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเข้าจดทะเบียนในปีนี้จำนวน 12-15 บริษัท ซึ่งมีมูลค่ามาร์เกตแคป 6,000-8,000 ล้านบาท และคาดว่าบริษัทที่จดทะเบียนอยู่มีการระดมทุนที่เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มียอดระดมทุนสูงสุดตั้งแต่ตั้งก่อตั้งตลาดเอ็มเอไอจำนวน 1,479 ล้านบาท

สำหรับการจัดตั้งบริษัท เอ็มเอไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งโดยจะจัดตั้งเสร็จในไตรมาส1/2551 เพื่อที่จะบริหารวงเงินจำนวน 1 ,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้จัดการกองทุนและผู้ร่วมลงทุน 4-5 รายสนใจที่จะมีการจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลร่วมลงทุน โดยคาดว่าภายในปีนี้จะจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลร่วมลงทุน ได้ 3 กองทุน โดยจะลงทุนในธุรกิจชินส่วนยานยนต์ อาหาร และไอซีที ซึ่งรายแรกจะจัดตั้งได้ภายในไตรมาส 2/51

ทั้งนี้ ตลาดเอ็มเอไอตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะจัดตั้งบริษัทนิติบุคคลร่วมลงทุนได้อย่างน้อย 5 กองทุน ซึ่งจะทำให้มีการร่วมลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพประมาณ 40 บริษัท โดยหากบริษัทที่เข้าไปลงทุนสามารถเข้าจดทะเบียนได้ 20 บริษัท จะสามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป)ได้อีก 10,000 ล้านบาท

"การลงทุนของบริษัทนิติบุคคลร่วมลงทุนจะเข้าไปลงทุนในบริษัทต่างๆ ระยะเวลา 3 ปี แล้วจึงนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเงินลงทุนร่วมต้นของแต่ละกองทุนอยู่ที่ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นเอ็มเอไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์ ร่วมลงทุน 100 ล้านบาท และที่เหลืออีก 100 ล้านบาท จากนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ " นายชนิตร กล่าว

สำหรับเป้าหมายการจัดตั้งบริษัทเอ็มเอไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์ เพื่อกระตุ้นให้มีความสนใจของนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาร่วมลงทุนจากการจัดตั้งนิติบุคคลร่วมลงทุนให้เพิ่มมาขึ้นในลักษณะทวีคูณ ทำให้เกิดแหล่งระดมทุนสำหรับตลาดแรกผ่านธุรกิจเงินร่วมลงทุนให้เติบโตมากขึ้นที่จะสามารถต่อยอดธุรกิจโดยการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้อำนวยการตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ กล่าวว่า ธุรกิจร่วมลงทุนในประเทศไทยขณะนี้มีมูลค่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับมาร์เกตแคปรวมที่มี 6-7 ล้านล้านบาทบาท ซึ่งจากที่ตลาดเอ็มเอไอ จัดตั้งบริษัท บริษัทเอ็มเอไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์ เพื่อเป็นการกระตุ้น ให้มีการจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนให้มากขึ้น โดยหวังว่าในช่วง 4-5 ปีจากนี้จะมีมูลค่าเงินร่วมลงทุนเพิ่มเป็น 1 แสนล้านขึ้นไป

สำหรับแผนการดำเนินงานของ mai ในปี 2551 นั้น สิ่งที่ mai ยังคงต้องทำอย่างต่อเนื่องก็คือ การส่งเสริมให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ผ่านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ mai มากกว่า 300 ฉบับ โดยจำนวนนี้เป็นบทวิเคราะห์ในโครงการสนับสนุนการจัดทำบทวิเคราะห์ มากกว่า 100 ฉบับ ส่วนที่เหลือเป็นบทวิเคราะห์ที่นักวิเคราะห์ให้ความสนใจและจัดทำขึ้นเอง

นอกจากนี้ ในปี 2551 mai จะยังคงเน้นการจัดกิจกรรมเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง อาทิ งาน "mai @ เยาวราช" ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เนื่องจากการจัดในปีแรกได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ลงทุนย่านเยาวราชเป็น อย่างดี รวมถึงการจัดงานเสวนา "mai Stock Focus" ซึ่งเป็นงานต่อเนื่องจาก "mai คอหุ้น On Stage" สำหรับผู้ลงทุนต่างประเทศ ในปีนี้ mai จะมุ่งขยายฐานผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศให้มากขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2551 นี้คาดว่าจะเดินทางไปให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนสถาบันประเทศสิงคโปร์
กำลังโหลดความคิดเห็น