ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ ปรับลงตามตลาดต่างประเทศ เหตุดาวโจนส์ร่วงแรง 200 กว่าจุด หลังตัวเลขดัชนี ISM ของสหรัฐ ออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่บรรยากาศในประเทศ ยังไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ภาพรวมช่วงนี้ มีลักษณะ sideway down นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในกลุ่มบิ๊กแคป ให้แนวรับ 810-815 จุด แนะจับตารายงานผลประชุมของ "เฟด" ในคืนนี้ คาดส่งผลต่อการลงทุนทั่วโลก พรุ่งนี้
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(3 ม.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 832.63 จุด ลดลง 10.34 จุด เปลี่ยนแปลง -1.23% มูลค่าการซื้อขาย 18,303 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดวัน ขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 836.43 จุด และจุดต่ำสุดที่ 829.06 จุด
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 113 หลักทรัพย์ ลดลง 233 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 91 หลักทรัพย์ สำหรับสัดส่วนการลงทุนวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,313.68 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 39.37 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,353.05 ล้านบาท
น.ส.มยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับลงตามตลาดต่างประเทศ สาเหตุหลักมาจากเมื่อคืนดาวโจนส์ลงไป 200 กว่าจุด เหตุตัวเลขดัชนี ISM ออกมาค่อนข้างต่ำกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนค่อนข้างจะถดถอยลงต่อ การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐด้วยเป็นปัจจัยหลักที่กดดันให้ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศภายในประเทศยังไม่เอื้อ ประชาชนและนักลงทุนยังอยู่ในภาวะโศกเศร้า และชะลอการทำกิจกรรมและงานรื่นเริงทุกชนิด ทำให้ภาพในวันนี้รวมถึงพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันสุดสัปดาห์อยู่ในลักษณะของ sideway ถึง sideway down ยังไม่ฟื้นตัว แนวรับ 810-815 จุด
นายสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่ได้รับแรงกดดันจากความกังวลในเศรษฐกิจประเทศสหรัฐ เพราะคาดว่าอาจจะเริ่มชะลอตัวจริงๆ หลังจากที่มีการประกาศตัวเลขดัชนีภาคการผลิต ISM ซึ่งปรับตัวลดลงในรอบปี และกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ลดลงมากกว่า 200 จุด
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังแตะระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่าจะเกิดภาวะเงินเพ้อในเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จึงลดการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกเพื่อไปตลาดอื่นที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า
สำหรับวันพรุ่งนี้( 4ม.ค.) ประเมินแนวโน้มว่าดัชนีจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันนี้ แต่จะมากหรือน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะประกาศในคืนนี้เป็นหลัก
คืนนี้ต้องติดตาม รายงานผลการประชุม ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่มีการประชุมไปเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่ามีการพูดถึงเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 51 แนวโน้มชะลอตัวมากกว่าที่ตลาดเคยคาดการณ์ไว้หรือเปล่าคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดซึ่งจะมีผลต่อภาพการลงทุนทั่วโลก ซึ่งทุกคนมองไว้อยู่แล้วว่าจะแย่ แต่จะแย่อย่างที่คิดหรือเปล่า
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,422.56 ล้านบาท ปิดที่ 360.00 บาท ลดลง 8.00 บาท , PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,957.80 ล้านบาท ปิดที่ 159.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 1,463.16 ล้านบาท ปิดที่ 46.50 บาท ลดลง 0.75 บาท , SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,398.94 ล้านบาท ปิดที่ 81.00 บาท ลดลง 3.00 บาท , TTA มูลค่าการซื้อขาย 1,109.51 ล้านบาท ปิดที่ 41.25 บาท ลดลง 3.75 บาท
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(3 ม.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงบ่ายที่ระดับ 832.63 จุด ลดลง 10.34 จุด เปลี่ยนแปลง -1.23% มูลค่าการซื้อขาย 18,303 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดวัน ขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 836.43 จุด และจุดต่ำสุดที่ 829.06 จุด
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 113 หลักทรัพย์ ลดลง 233 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 91 หลักทรัพย์ สำหรับสัดส่วนการลงทุนวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,313.68 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 39.37 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,353.05 ล้านบาท
น.ส.มยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับลงตามตลาดต่างประเทศ สาเหตุหลักมาจากเมื่อคืนดาวโจนส์ลงไป 200 กว่าจุด เหตุตัวเลขดัชนี ISM ออกมาค่อนข้างต่ำกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนค่อนข้างจะถดถอยลงต่อ การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐด้วยเป็นปัจจัยหลักที่กดดันให้ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศภายในประเทศยังไม่เอื้อ ประชาชนและนักลงทุนยังอยู่ในภาวะโศกเศร้า และชะลอการทำกิจกรรมและงานรื่นเริงทุกชนิด ทำให้ภาพในวันนี้รวมถึงพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันสุดสัปดาห์อยู่ในลักษณะของ sideway ถึง sideway down ยังไม่ฟื้นตัว แนวรับ 810-815 จุด
นายสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่ได้รับแรงกดดันจากความกังวลในเศรษฐกิจประเทศสหรัฐ เพราะคาดว่าอาจจะเริ่มชะลอตัวจริงๆ หลังจากที่มีการประกาศตัวเลขดัชนีภาคการผลิต ISM ซึ่งปรับตัวลดลงในรอบปี และกดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ลดลงมากกว่า 200 จุด
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังแตะระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่าจะเกิดภาวะเงินเพ้อในเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จึงลดการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกเพื่อไปตลาดอื่นที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า
สำหรับวันพรุ่งนี้( 4ม.ค.) ประเมินแนวโน้มว่าดัชนีจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันนี้ แต่จะมากหรือน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะประกาศในคืนนี้เป็นหลัก
คืนนี้ต้องติดตาม รายงานผลการประชุม ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่มีการประชุมไปเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่ามีการพูดถึงเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 51 แนวโน้มชะลอตัวมากกว่าที่ตลาดเคยคาดการณ์ไว้หรือเปล่าคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดซึ่งจะมีผลต่อภาพการลงทุนทั่วโลก ซึ่งทุกคนมองไว้อยู่แล้วว่าจะแย่ แต่จะแย่อย่างที่คิดหรือเปล่า
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,422.56 ล้านบาท ปิดที่ 360.00 บาท ลดลง 8.00 บาท , PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,957.80 ล้านบาท ปิดที่ 159.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 1,463.16 ล้านบาท ปิดที่ 46.50 บาท ลดลง 0.75 บาท , SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,398.94 ล้านบาท ปิดที่ 81.00 บาท ลดลง 3.00 บาท , TTA มูลค่าการซื้อขาย 1,109.51 ล้านบาท ปิดที่ 41.25 บาท ลดลง 3.75 บาท