xs
xsm
sm
md
lg

“อาคีฟ” ท้าชิงบัลลงก์ฟลายเวต / คอลัมน์ "TKO" โดย "น็อกเอาต์ แมน"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ "TKO" โดย "น็อกเอาต์ แมน"

ชัยชนะของ อาคีฟ กูลูซาดา กำปั้นฟอร์มดาวรุ่งฟอร์มแรงวัย 20 ปี จากอาเซอร์ไบจาน เหนือ จ้าวเสือใหญ่ ม.กรุงเทพธนบุรี ในศึก ONE Fight Night 36 เมื่อวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2568 ถือมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันทำให้เขาก้าวขึ้นมารั้งอันดับ 5 ในแรงกิ้งมวยไทย รุ่นฟลายเวต เขยิบเข้าใกล้โอกาสชิงเข็มขัดแชมป์โลกที่ปัจจุบันอยู่ในสถานะว่าง มากขึ้นเรื่อยๆ และฟอร์มการชกของนักชกไร้พ่ายรายนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดา และน่าจับตามองจริงๆ

สำหรับ “อาคีฟ” เริ่มเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่ยังเด็ก โดยเริ่มจากฝึกคาราเต้ ก่อนผันตัวไปทางคิกบ็อกซิ่งแบบจริงจัง เมื่ออายุ 15 ปี เขาได้ก้าวสู่การแข่งขันระดับอาชีพ ผ่านประสบการณ์ในระดับเยาวชน และสมัครเล่นมากกว่า 200 ไฟต์

ทำให้ตอนนี้แม้ในวัยเพียงแค่ 20 ปี แต่เขาไม่เคยแสดงอาการประหม่าให้เห็นเมื่อต้องเผชิญแรงกดดันในการแข่งขันระดับสูง แถมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการออกอาวุธแบบเยือกเย็น และแสดงให้เห็นถึงไอคิวมวยเกินวัย

โดยชื่อของ “อาคีฟ” กลายเป็นที่จับตามองอย่างรวดเร็วในรายการ ONE ลุมพินี เมื่อเจ้าตัวโชว์ฟอร์มสวยทั้งในกติกาคิกบ็อกซิ่ง และมวยไทย เก็บชัย 3 ไฟต์ติด ซึ่งรวมถึงผลงานใช้แม้ไม้มวยไทยในท่า “หิรัญม้วนแผ่นดิน” ปิดเกมน็อก “ผึ้งหลวง บ้านแรมบ้า” อย่างสวยงาม จนกลายเป็นนักสู้คนที่ 22 จากรายการ ที่คว้าสัญญา ONE ได้สำเร็จ

ก่อนหน้าจะเจอกับ จ้าวเสือใหญ่ กำปั้นรายนี้ถือว่ามีฟอร์มอันร้อนแรงในการเปิดตัวบนสังเวียนระดับโลก เมื่อไล่ทุบชนะคะแนนเอกฉันท์เหนือ “ฌอน คลิมาโค” ได้อย่างสวยงาม ในศึก ONE Fight Night 31 เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา บวกสถิติเป็น 4-0 ในรายการของ ONE ซึ่งหากรวมการเก็บชัยไฟต์ล่าสุดไปด้วยแล้ว อาคีฟ ไร้พ่ายในรายการนี้ 5 ไฟต์ติดต่อกัน

นักสู้หลายคนมักจะมีสมญานามที่บ่งบอกสไตล์การชกได้อย่างชัดเจน ซึ่งในรายของ “อาคีฟ” เขาได้ฉายาว่า “King” มาจากโค้ชที่ตั้งให้ หลังจากเห็นบุคลิกของเขาบนสังเวียนซึ่งดูน่าเกรงขามจากการเดินบุกเข้าหาคู่ชกอย่างดุดัน และคุมจังหวะของเกมได้อย่างเหนือชั้น

ย้อนไปในปี 2564 “อาคีฟ” ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนักกีฬาดาวรุ่งแห่งปีของอาเซอร์ไบจานในงาน “Global Stars Awards” อย่างไรก็ตามเจ้าตัวไม่ได้มองว่ารางวัลดังกล่าวมันคือปลายทางความสำเร็จ แต่เขาเห็นสิ่งนี้เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงชั้นดีที่ผลักดันให้ยากกลับไปเข้ายิม ฝึกซ้อมแบบเข้มข้นเพื่อขัดเกลาอาวุธการต่อสู้ให้เฉียบคมยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากกีฬาศิลปะการต่อสู้แล้ว “อาคีฟ” ยังชื่นชอบการเตะฟุตบอล เขามักจะเล่นตำแหน่งกองหน้า ไล่ล่าทำประตูใส่คู่แข่ง ซึ่งทัศนคติแบบเดียวกันนี้ เขาแสดงให้เห็นเมื่อยืนอยู่บนสังเวียนการชกมวย ทั้งการเดินหน้ากดดัน แจกอาวุธครบมือเป็นชุด และเปลี่ยนท่าจดมวยเพื่อสร้างความสับสนให้กับคู่ชก

วิธีการแสดงออกของเขาไม่เคยเปลี่ยนไปไม่ว่าจะเล่นกีฬาชนิดไหน เขายังคงอยากเป็นฝ่ายบุกก่อน สร้างความกดดัน และบีบให้คู่ต่อสู้เป็นฝ่ายตอบโต้ นี่คือสไตล์อันโดดเด่นที่ทำให้เขายังไร้พ่ายในรายการของ ONE และถือเป็นกุญแจสำคัญในการโค่น “จ้าวเสือใหญ่” ลงได้ด้วยคะแนนเอกฉันท์

สำหรับศึก ONE Fight Night 36 ที่มีขึ้นช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา นอกจาก จ้าวเสือใหญ่ ที่พ่ายให้กับ อาคีฟ แล้ว นักชกไทยคนอื่นๆ ก็ปราชัยเรียบ ทั้งพระจันทร์ฉาย พีเค.แสนชัยฯ ที่เสียเข็มขัดไปในการรีแมตช์กับ โจนาธาน ดิ เบลลา ผู้ท้าชิงจากอิตาลี รวมถึง ก้องธรณี ก็แพ้ อัสลามจอน เออร์ติคอฟ เช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น