คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
หลังจบ 2 นัดแรกของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ความหวังที่จะเป็นทีมชาติไทย ไปประกาศศักดาในรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก แทบดับวูบลงทันที เมื่อลูกทีมของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ยังเก็บคะแนนไม่ได้ แพ้ทั้ง ซาอุดีอาระเบีย และ ญี่ปุ่น โอกาสนั้นริบหรี่เต็มทน เพราะจากสถิติรอบคัดเลือกโซนเอเชียที่ผ่านมา นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1998 ทีมแพ้เกิน 2 นัดในรอบคัดเลือก ไม่มีใครผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้เลย ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไร หากเราจะวืดฟุตบอลโลกที่รัสเซีย เนื่องจากการได้มาฟาดแข้งกับทีมชั้นนำของทวีป ก็เหมือนการยกระดับตัวเองจากระดับอาเซียนมาสู่ระดับเอเชียแล้ว เพียงแต่เรายังมีการบ้านต้องกลับไปแก้ไข ว่าทำอย่างไรถึงจะก้าวขึ้นไปทัดเทียมเขาได้
ถึงฟุตบอลจะไปไม่ถึงระดับโลก แต่อย่าเพิ่งมองเมิน เพราะทีมชาติไทยเรายังมีทีมฟุตซอล หรือ “โต๊ะเล็ก” ที่ทุกวันนี้ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครเหมือนกัน เพราะผงาดเป็นทีมอันดับ 2 ของเอเชียได้แล้ว โดยรั้งอยู่ลำดับที่ 12 ของโลก ในทวีปนี้ก็เป็นรองเพียง อิหร่าน ที่รั้งอันดับ 6 โลกทีมเดียว ส่วนขาใหญ่อย่าง ญี่ปุ่น อยู่ที่ 15 หรือแม้แต่ ออสเตรเลีย ก็อยู่ที่ 27 โลกเท่านั้น
สำหรับการแข่งขันชิงแชมป์โลก ของทีมชาติไทย เก่งกาจขนาดคว้าตั๋วรอบสุดท้ายมาได้ถึง 5 ครั้ง รวมครั้งล่าสุดในปีนี้ด้วย ซึ่ง 4 ครั้งที่ผ่านมา ทัพ “ช้างศึก” ตกรอบแรก 3 ครั้ง และมาไกลที่สุดคือ ปี 2012 ที่เราเป็นเจ้าภาพ ผ่านเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยครั้งนี้แข่งขันกันระหว่างวันที่ 10 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม 2559 ที่ประเทศโคลอมเบีย รอบแรก ทีมชาติไทย ต้องพบกับ รัสเซีย อันดับ 3 ของโลก เวลา 6.00 น. เช้าวันที่ 11 กันยายน ต่อด้วย คิวบา อันดับ 40 โลก เวลา 8.00 น. วันพุธที่ 14 กันยายน และ ปิดท้ายรอบแรก พบ อียิปต์ อันดับ 23 โลก เวลา 6.00 น. วันเสาร์ที่ 17 กันยายนนี้
ซึ่งก่อนเดินทาง “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลไทย บอกว่า สายการแข่งขันรอบแรกไม่ยากมาก เพราะเราผ่านรอบสุดท้ายมาแล้ว 5 ครั้ง ถือว่าโอกาสผ่านเข้ารอบ 2 ในฐานะทีมอันดับ 2 อยู่ในข่ายที่เป็นไปได้มาก และหวังไกลไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่เราไม่เคยไปถึง แม้ว่าดูเหมือนอยู่สายไม่โหดนัก ทว่า ปัญหาของทีมฟุตซอลไทย คงเป็นเรื่องการเสียประตูง่าย ยกตัวอย่าง การแข่งขันชิงแชมป์โลก 2000 ที่กัวเตมาลา ยิงได้ 2 ประตู เสียถึง 17 ประตู, ปี 2004 ที่ไต้หวัน ยิงได้ 5 ประตู เสีย 13 ประตู, ปี 2008 ที่ บราซิล ยิงได้ 7 ประตู เสีย 15 ประตู และ ปี 2012 ที่เราเป็นเจ้าภาพรอบสุดท้าย ยิงได้ 9 ประตู แต่ก็เสียไป 16 ประตู เห็นสถิติแบบนี้แล้วน่าหวั่นใจแทนเหมือนกัน
ขนาดคนดูอย่างเรายังรู้ว่าทีมไทยมีจุดอ่อนเรื่องการป้องกันแล้วมีหรือที่ มิเกล โรดริโก หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวสเปน จะไม่รู้ หลังเดินทางไปถึงโคลอมเบีย ล่าสุด จับแข้งโต๊ะเล็กลงเกมอุ่นเครื่องกับ ทีมชาติโมร็อกโก แชมป์จากทวีปแอฟริกาที่ลงแข่งขันในกลุ่มเอฟ ผลปรากฏว่า เล่นไปถึงช่วงท้ายเกม ทีมรัสเซีย ที่จะมาใช้สนามซ้อมต่อดันทะเล่อทะล่าเข้ามาชมด้วย จนต้องสั่งยุติการแข่งขัน ผลคือ ไทย แพ้ โมร็อกโก 1-5 แม้จะเป็นแค่เกมอุ่นเครื่อง แต่ก็น่าห่วงไม่น้อย ขนาดกุนซือชาวสเปน ยังออกมาบ่นเลยว่าเสียประตูง่ายเหลือเกิน เกมรับก็ย่ำแย่ มีโอกาสยิงตั้งหลายครั้ง ดันไม่คมซะงั้น แถมโดนยิง 7 ครั้ง เสีย 5 ประตู ที่สำคัญ ยังเหลือเวลาอีกน้อยนิดก่อนประเดิมสนามนัดแรก...ไหวไหมเบบี้
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
หลังจบ 2 นัดแรกของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ความหวังที่จะเป็นทีมชาติไทย ไปประกาศศักดาในรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก แทบดับวูบลงทันที เมื่อลูกทีมของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ยังเก็บคะแนนไม่ได้ แพ้ทั้ง ซาอุดีอาระเบีย และ ญี่ปุ่น โอกาสนั้นริบหรี่เต็มทน เพราะจากสถิติรอบคัดเลือกโซนเอเชียที่ผ่านมา นับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1998 ทีมแพ้เกิน 2 นัดในรอบคัดเลือก ไม่มีใครผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้เลย ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไร หากเราจะวืดฟุตบอลโลกที่รัสเซีย เนื่องจากการได้มาฟาดแข้งกับทีมชั้นนำของทวีป ก็เหมือนการยกระดับตัวเองจากระดับอาเซียนมาสู่ระดับเอเชียแล้ว เพียงแต่เรายังมีการบ้านต้องกลับไปแก้ไข ว่าทำอย่างไรถึงจะก้าวขึ้นไปทัดเทียมเขาได้
ถึงฟุตบอลจะไปไม่ถึงระดับโลก แต่อย่าเพิ่งมองเมิน เพราะทีมชาติไทยเรายังมีทีมฟุตซอล หรือ “โต๊ะเล็ก” ที่ทุกวันนี้ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครเหมือนกัน เพราะผงาดเป็นทีมอันดับ 2 ของเอเชียได้แล้ว โดยรั้งอยู่ลำดับที่ 12 ของโลก ในทวีปนี้ก็เป็นรองเพียง อิหร่าน ที่รั้งอันดับ 6 โลกทีมเดียว ส่วนขาใหญ่อย่าง ญี่ปุ่น อยู่ที่ 15 หรือแม้แต่ ออสเตรเลีย ก็อยู่ที่ 27 โลกเท่านั้น
สำหรับการแข่งขันชิงแชมป์โลก ของทีมชาติไทย เก่งกาจขนาดคว้าตั๋วรอบสุดท้ายมาได้ถึง 5 ครั้ง รวมครั้งล่าสุดในปีนี้ด้วย ซึ่ง 4 ครั้งที่ผ่านมา ทัพ “ช้างศึก” ตกรอบแรก 3 ครั้ง และมาไกลที่สุดคือ ปี 2012 ที่เราเป็นเจ้าภาพ ผ่านเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยครั้งนี้แข่งขันกันระหว่างวันที่ 10 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม 2559 ที่ประเทศโคลอมเบีย รอบแรก ทีมชาติไทย ต้องพบกับ รัสเซีย อันดับ 3 ของโลก เวลา 6.00 น. เช้าวันที่ 11 กันยายน ต่อด้วย คิวบา อันดับ 40 โลก เวลา 8.00 น. วันพุธที่ 14 กันยายน และ ปิดท้ายรอบแรก พบ อียิปต์ อันดับ 23 โลก เวลา 6.00 น. วันเสาร์ที่ 17 กันยายนนี้
ซึ่งก่อนเดินทาง “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลไทย บอกว่า สายการแข่งขันรอบแรกไม่ยากมาก เพราะเราผ่านรอบสุดท้ายมาแล้ว 5 ครั้ง ถือว่าโอกาสผ่านเข้ารอบ 2 ในฐานะทีมอันดับ 2 อยู่ในข่ายที่เป็นไปได้มาก และหวังไกลไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่เราไม่เคยไปถึง แม้ว่าดูเหมือนอยู่สายไม่โหดนัก ทว่า ปัญหาของทีมฟุตซอลไทย คงเป็นเรื่องการเสียประตูง่าย ยกตัวอย่าง การแข่งขันชิงแชมป์โลก 2000 ที่กัวเตมาลา ยิงได้ 2 ประตู เสียถึง 17 ประตู, ปี 2004 ที่ไต้หวัน ยิงได้ 5 ประตู เสีย 13 ประตู, ปี 2008 ที่ บราซิล ยิงได้ 7 ประตู เสีย 15 ประตู และ ปี 2012 ที่เราเป็นเจ้าภาพรอบสุดท้าย ยิงได้ 9 ประตู แต่ก็เสียไป 16 ประตู เห็นสถิติแบบนี้แล้วน่าหวั่นใจแทนเหมือนกัน
ขนาดคนดูอย่างเรายังรู้ว่าทีมไทยมีจุดอ่อนเรื่องการป้องกันแล้วมีหรือที่ มิเกล โรดริโก หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวสเปน จะไม่รู้ หลังเดินทางไปถึงโคลอมเบีย ล่าสุด จับแข้งโต๊ะเล็กลงเกมอุ่นเครื่องกับ ทีมชาติโมร็อกโก แชมป์จากทวีปแอฟริกาที่ลงแข่งขันในกลุ่มเอฟ ผลปรากฏว่า เล่นไปถึงช่วงท้ายเกม ทีมรัสเซีย ที่จะมาใช้สนามซ้อมต่อดันทะเล่อทะล่าเข้ามาชมด้วย จนต้องสั่งยุติการแข่งขัน ผลคือ ไทย แพ้ โมร็อกโก 1-5 แม้จะเป็นแค่เกมอุ่นเครื่อง แต่ก็น่าห่วงไม่น้อย ขนาดกุนซือชาวสเปน ยังออกมาบ่นเลยว่าเสียประตูง่ายเหลือเกิน เกมรับก็ย่ำแย่ มีโอกาสยิงตั้งหลายครั้ง ดันไม่คมซะงั้น แถมโดนยิง 7 ครั้ง เสีย 5 ประตู ที่สำคัญ ยังเหลือเวลาอีกน้อยนิดก่อนประเดิมสนามนัดแรก...ไหวไหมเบบี้
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *