คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ขอคุยถึงไฟต์ “เสียของ” ที่แฟนๆ แวดวงศิลปะการต่อสู้หวังจะได้ชมศึกระดับ “ซูเปอร์ไฟต์” แต่เป็นเพราะผู้จัดและทีมงานของบรรดานักสู้ทั้งหลายเอาแต่เล่นเกมหาความได้เปรียบกัน ทำให้ไฟต์ใหญ่ๆ อาจไม่ได้เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นแล้วก็กลายเป็นไฟต์ที่ “เสียของ” ไม่สมกับการรอคอยของแฟนๆ
โดยในวงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมฝ่ายหญิง ที่ “อีสาวคาวบอย” รอนดา เราซีย์ เคยเป็นสุดยอดแชมป์ไร้เทียมทานที่มองกันว่าไม่น่าจะมีใครเป็นคู่ต่อกรที่สมศักดิ์ศรี นอกจาก คริส “ไซบอร์ก” จุสติโน แรกเริ่มเดิมที่ “ดรีมไฟต์” นัดนี้มีปัญหา 2 ประการ เรื่องแรกคือ คริส ไซบอร์ก นั้นเป็นนักสู้ในสังกัด “อินวิคตา” ไม่ได้สังกัด UFC เรื่องที่สองคือเรื่องพิกัดน้ำหนักที่ เราซีย์ เป็นราชินีในรุ่นแบนตัมเวท (135 ปอนด์สำหรับกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสม) ขณะที่ ไซบอร์ก ไร้เทียมทานอยู่ในรุ่นเฟเธอร์เวท 145 ปอนด์
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คริส ไซบอร์ก ได้ขึ้นประเดิมสังเวียนในรายการ UFC เป็นที่เรียบร้อย ใช้เวลานาทีเศษๆ ไล่ทุบคู่ต่อสู้จนกรรมการจับแพ้ไปอย่างง่ายดาย แม้จะมีหลายเสียงบอกว่ากรรมการจับเร็วไปหน่อย แต่ดูภาพการต่อสู้ที่ผ่านไปนาทีเศษๆ ไซบอร์ก ไล่ทำอยู่ข้างเดียวโดยคู่ต่อสู้ออกอาการเกรงศักดิ์ศรีอย่างเห็นได้ชัด แบบนี้กรรมการจับไปก็ไม่เสียหายอะไรมากแค่ไม่ถึงใจเท่านั้น นี่ถือเป็นก้าวแรกที่ คริส ไซบอร์ก เข้ามาในแวดวง UFC แถมมาสู้ในพิกัด “แคชเวท” 140 ปอนด์ซะด้วย ถือเป็นการชิมลางที่จะพยายามลงมาที่ 135 หรือจะหาทางท้า “อีสาวคาวบอย” ให้พบกันครึ่งทางทำน้ำหนักไปที่ 140 ยังได้
อุปสรรคตอนนี้กลายเป็นการที่ รอนดา เราซีย์ ไปพลาดท่าพ่าย “ลูกสาวนักเทศน์” ฮอลลี โฮล์ม แบบหมดสภาพ แถมเปิดจุดอ่อนออกมาทั่วตัวไปหมด จากนั้น ฮอลลี โฮล์ม เองดันไปพ่ายนักสู้จอมเก๋าอย่าง มีชา เทต เข้าไปอีก ทำให้ตอนนี้วงการนักสู้หญิงรุ่นแบนตัมเวทกลายเป็น “เสียของ” ไปแล้ว เพราะ เทต เองก็พ่าย เราซีย์ มาแบบสู้ไม่ได้ 2 ไฟต์แล้ว จับใครมาเจอใครตอนนี้กลายเป็นไม่น่าตื่นเต้นไปหมด ขายไม่ได้แล้ว ทาง คริส ไซบอร์ก เองเลยกลับมาเล่นตัวได้บ้าง โดยมีข่าวว่าจะกลับไปป้องกันแชมป์ “อินวิคตา” ของตัวเอง แทนที่จะสู้ใน UFC ต่อไป ไฟต์กับ รอนดา เราซีย์ เลยทำท่าจะห่างไกลจากความเป็นจริงไปอีกรอบ ขนาดตอนจบศึกประเดิม UFC คริส จุสติโน ยังไม่พูดท้าทายรอนด้า เราซีย์ ซักกะนิด เพียงแต่มาโพสต์รูปแหย่เล่นในวันรุ่งขึ้นเท่านั้นเอง
ตอนนี้ว่ากันไปถ้า “รอนดา เราซีย์” ขึ้นเรียกฟอร์มอีกซัก 1-2 ไฟต์ แถมถ้าเธอยังมีฝีปากกล้าออกอาการ “กร่าง” อย่างที่ผ่านมา แฟนๆ ก็คงยังอยากให้ ไซบอร์ก ได้ขึ้นเจอกับ เราซีย์ อยู่แน่นอน แต่ทาง เราซีย์ เองกลายเป็นเสียอำนาจการต่อรองไปแล้ว ก่อนหน้านี้ยืนยันเสียงแข็งว่าฉันเป็นแชมป์ 135 จะเจอกันก็ทำ 135 มา ซึ่งทางค่าย คริส ไซบอร์ก ก็ยอมรับว่าทำไม่ได้ ตอนนี้ทาง เราซีย์ ไม่ได้เป็นแชมป์แล้ว มองมุมหนึ่งก็เรียกว่าไม่มี “จุดขาย” ที่จะต้องมาเจอกันแล้ว แต่ถ้าจะมาสู้กันเพื่อเอาใจแฟนๆ เพื่อศักดิ์ศรีจริงๆ แล้ว ทาง เราซีย์ ก็เสียอำนาจการต่อรองไปเรียบร้อย แถมสถิติที่ “ไร้พ่าย ไร้เทียมทาน” ก็ด่างพร้อยไปอีก ดูอาการแล้วน่าจะอีกนานกว่าไฟต์นี้จะเกิดขึ้นได้ หรืออาจไม่มีวันเกิดขึ้นเลยก็ได้ ถือว่าเป็นไฟต์ “เสียของ” ไปเรียบร้อย
ขอคุยถึงไฟต์ “เสียของ” ที่แฟนๆ แวดวงศิลปะการต่อสู้หวังจะได้ชมศึกระดับ “ซูเปอร์ไฟต์” แต่เป็นเพราะผู้จัดและทีมงานของบรรดานักสู้ทั้งหลายเอาแต่เล่นเกมหาความได้เปรียบกัน ทำให้ไฟต์ใหญ่ๆ อาจไม่ได้เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นแล้วก็กลายเป็นไฟต์ที่ “เสียของ” ไม่สมกับการรอคอยของแฟนๆ
โดยในวงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมฝ่ายหญิง ที่ “อีสาวคาวบอย” รอนดา เราซีย์ เคยเป็นสุดยอดแชมป์ไร้เทียมทานที่มองกันว่าไม่น่าจะมีใครเป็นคู่ต่อกรที่สมศักดิ์ศรี นอกจาก คริส “ไซบอร์ก” จุสติโน แรกเริ่มเดิมที่ “ดรีมไฟต์” นัดนี้มีปัญหา 2 ประการ เรื่องแรกคือ คริส ไซบอร์ก นั้นเป็นนักสู้ในสังกัด “อินวิคตา” ไม่ได้สังกัด UFC เรื่องที่สองคือเรื่องพิกัดน้ำหนักที่ เราซีย์ เป็นราชินีในรุ่นแบนตัมเวท (135 ปอนด์สำหรับกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสม) ขณะที่ ไซบอร์ก ไร้เทียมทานอยู่ในรุ่นเฟเธอร์เวท 145 ปอนด์
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คริส ไซบอร์ก ได้ขึ้นประเดิมสังเวียนในรายการ UFC เป็นที่เรียบร้อย ใช้เวลานาทีเศษๆ ไล่ทุบคู่ต่อสู้จนกรรมการจับแพ้ไปอย่างง่ายดาย แม้จะมีหลายเสียงบอกว่ากรรมการจับเร็วไปหน่อย แต่ดูภาพการต่อสู้ที่ผ่านไปนาทีเศษๆ ไซบอร์ก ไล่ทำอยู่ข้างเดียวโดยคู่ต่อสู้ออกอาการเกรงศักดิ์ศรีอย่างเห็นได้ชัด แบบนี้กรรมการจับไปก็ไม่เสียหายอะไรมากแค่ไม่ถึงใจเท่านั้น นี่ถือเป็นก้าวแรกที่ คริส ไซบอร์ก เข้ามาในแวดวง UFC แถมมาสู้ในพิกัด “แคชเวท” 140 ปอนด์ซะด้วย ถือเป็นการชิมลางที่จะพยายามลงมาที่ 135 หรือจะหาทางท้า “อีสาวคาวบอย” ให้พบกันครึ่งทางทำน้ำหนักไปที่ 140 ยังได้
อุปสรรคตอนนี้กลายเป็นการที่ รอนดา เราซีย์ ไปพลาดท่าพ่าย “ลูกสาวนักเทศน์” ฮอลลี โฮล์ม แบบหมดสภาพ แถมเปิดจุดอ่อนออกมาทั่วตัวไปหมด จากนั้น ฮอลลี โฮล์ม เองดันไปพ่ายนักสู้จอมเก๋าอย่าง มีชา เทต เข้าไปอีก ทำให้ตอนนี้วงการนักสู้หญิงรุ่นแบนตัมเวทกลายเป็น “เสียของ” ไปแล้ว เพราะ เทต เองก็พ่าย เราซีย์ มาแบบสู้ไม่ได้ 2 ไฟต์แล้ว จับใครมาเจอใครตอนนี้กลายเป็นไม่น่าตื่นเต้นไปหมด ขายไม่ได้แล้ว ทาง คริส ไซบอร์ก เองเลยกลับมาเล่นตัวได้บ้าง โดยมีข่าวว่าจะกลับไปป้องกันแชมป์ “อินวิคตา” ของตัวเอง แทนที่จะสู้ใน UFC ต่อไป ไฟต์กับ รอนดา เราซีย์ เลยทำท่าจะห่างไกลจากความเป็นจริงไปอีกรอบ ขนาดตอนจบศึกประเดิม UFC คริส จุสติโน ยังไม่พูดท้าทายรอนด้า เราซีย์ ซักกะนิด เพียงแต่มาโพสต์รูปแหย่เล่นในวันรุ่งขึ้นเท่านั้นเอง
ตอนนี้ว่ากันไปถ้า “รอนดา เราซีย์” ขึ้นเรียกฟอร์มอีกซัก 1-2 ไฟต์ แถมถ้าเธอยังมีฝีปากกล้าออกอาการ “กร่าง” อย่างที่ผ่านมา แฟนๆ ก็คงยังอยากให้ ไซบอร์ก ได้ขึ้นเจอกับ เราซีย์ อยู่แน่นอน แต่ทาง เราซีย์ เองกลายเป็นเสียอำนาจการต่อรองไปแล้ว ก่อนหน้านี้ยืนยันเสียงแข็งว่าฉันเป็นแชมป์ 135 จะเจอกันก็ทำ 135 มา ซึ่งทางค่าย คริส ไซบอร์ก ก็ยอมรับว่าทำไม่ได้ ตอนนี้ทาง เราซีย์ ไม่ได้เป็นแชมป์แล้ว มองมุมหนึ่งก็เรียกว่าไม่มี “จุดขาย” ที่จะต้องมาเจอกันแล้ว แต่ถ้าจะมาสู้กันเพื่อเอาใจแฟนๆ เพื่อศักดิ์ศรีจริงๆ แล้ว ทาง เราซีย์ ก็เสียอำนาจการต่อรองไปเรียบร้อย แถมสถิติที่ “ไร้พ่าย ไร้เทียมทาน” ก็ด่างพร้อยไปอีก ดูอาการแล้วน่าจะอีกนานกว่าไฟต์นี้จะเกิดขึ้นได้ หรืออาจไม่มีวันเกิดขึ้นเลยก็ได้ ถือว่าเป็นไฟต์ “เสียของ” ไปเรียบร้อย
