คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ผ่านพ้นไปแล้วแบบล็อกถล่มสำหรับรายการ UFC 193 ที่มาเปิดตลาดในเมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมาช่วงบ่ายๆ ตามเวลาไทย เมื่อยอดนักสู้หญิง “อีสาวคาวบอย” รอนดา เราซีย์ ขึ้นสังเวียนป้องกันเข็มขัดรุ่นแบนตั้มเวท 135 ปอนด์กับนักสู้สาวใหญ่วัย 34 ปี ฮอลลี โฮล์ม โดยก่อนการต่อสู้แชมป์ไร้พ่ายเป็นต่อหายห่วงถึง 18-1 จากดีกรีที่ชนะรวด 12 ไฟต์ โดย 11 ไฟต์ชนะภายในยกแรก มีเพียงไฟต์เดียวที่ลากไปถึงยก 3 ส่วน 11 ไฟต์ที่จบภายในยกแรกนั้น 9 ไฟต์จบภายใน 1 นาทีแรก มี 2 ไฟต์เท่านั้นที่ใช้เวลาเกิน 1 นาที
ด้านผู้ท้าชิงฉายา “ลูกสาวหลวงพ่อ” เพราะพ่อของเธอเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์ แม้จะมีสถิติไร้พ่ายเหมือนกันด้วยการชนะรวด 9 ไฟต์ แต่คู่ต่อสู้ก็เป็นระดับรองๆ ไม่เคยสู้ในไฟต์ใหญ่ๆ แม้ก่อนหน้านี้มีดีกรีเป็นถึงแชมป์โลกมวยสากลหญิง แต่มวยสากลหญิงในด้านฝีไม้ลายมือก็ไม่เหมือนมวยสากลชาย และนักมวยที่ก้าวมาสู้ในวงการ MMA ก็มักจะไม่ถนัดเกมสู้บนพื้น ถ้าถูกลากลงไปนอนสู้บนผืนผ้าใบแล้วก็จะเป็นรองเยอะ
ปรากฏว่า โฮล์ม ก็รู้ตัวและวางแผนการต่อสู้มาปิดจุดด้อยข้อนี้โดยเฉพาะ โดยยืนระยะห่างจาก “อีสาวคาวบอย” และใช้ฟุตเวิร์กเต้นวนไปรอบๆ เวที ไม่เปิดโอกาสให้ เราซีย์ เข้าจับเทคดาวน์ได้ง่ายๆ แถมยังออกหมัดซ้ายเข้าหน้าเจ้าของเข็มขัดสาวได้หลายดอก รวมทั้งสับศอกซ้ายเข้าเต็มปากเล่นเอา เราซีย์ ปากฉีกเลือดทะลัก กลางยกแชมป์ UFC สาวสามารถจับ โฮล์ม เหวี่ยงลงพื้นได้แต่ทำอะไรไม่ถนัด โฮล์ม ดิ้นลุกขึ้นมาได้ พอท้ายยก “ลูกสาวหลวงพ่อ” สบจังหวะทุ่ม เราซีย์ ลงพื้นได้บ้างแต่แสดงเจตนารมณ์ชัดแจ้งรีบลุกขึ้นมาไม่ยอมสู้เกมบนพื้นด้วยเลย
ขึ้นยก 2 อดีตแชมป์มวยโลกสาวชิงออกอาวุธหมัดตรงซ้ายเข้ากรามและซอกคอ “อีสาวคาวบอย” ได้ 3-4 หมัดติดๆ กัน จน เราซีย์ ถึงกับเป๋ โฮล์ม ได้โอกาสเหวี่ยง เราซีย์ ให้หมุนตัวเข้าระยะแล้วเผดียงแข้งซ้ายเข้าเต็มก้านคอส่งนักสู้สาวล้มครืนลงไปกองกับพื้นเวทีชนิด “ล้มทั้งยืน” แล้วโถมเข้าประเคนหมัดใส่อีก 2-3 หมัดกรรมการเห็นแล้วว่า เราซีย์ หมดสติไม่ยกการ์ดขึ้นมากันแล้ว ก็เข้ายุติการชกให้ โฮล์ม ก้าวขึ้นเป็นเจ้าของเข็มขัดรุ่นแบนตั้มเวทแทน
ไฟต์นี้ต้องยอมรับว่า “ลูกสาวหลวงพ่อ” ทำการบ้านมาดี วางแผนการต่อสู้มาดีมาก และทำตามแผนได้ทุกอย่าง ในขณะที่ เราซีย์ เปิดจุดอ่อนให้เห็นว่าเกมยืนสู้นั้นเธอไม่ถนัดจริงๆ เดินเข้าใส่แต่เงยหน้าตลอดไม่มีการก้มหน้าเก็บคาง เปิดเป้าให้ออกอาวุธใส่สบายๆ แถมการเดินก็เป็นการเดินเข้าทื่อๆ ตรงๆ ไม่มีการเดินตัดเวที ทำให้นักมวยเจนสังเวียนอย่าง โฮล์ม อาศัยฟุตเวิร์กเต้นวนหนีรักษาระยะห่างได้ตามแผน หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าการที่ เราซีย์ ชนะคู่ต่อสู้แบบสบายๆ มาตลอดจะมีผลทำให้การเตรียมตัวไม่เต็มร้อยหรือเปล่า และการที่ชนะยกแรกมาแทบตลอดทำให้เรื่องพละกำลังมีปัญหาหรือเปล่า เรื่องนี้ก็ต้องให้ทีมงานของยอดนักสู้สาวที่เพิ่งลิ้มรสความพ่ายแพ้หมาดๆ มาตอบ
จบไฟต์นี้ต้องหลายๆ คนคงสะใจไปตามๆ กัน เพราะก่อนหน้านี้ “อีสาวคาวบอย” สร้างภาพเป็นนักสู้สาวจอมยโส ไม่ค่อยจะมีน้ำใจนักกีฬาเท่าไหร่ ไฟต์นี้ก่อนสู้ก็ไม่ยอมสัมผัสนวมกับคู่ต่อสู้ พอแพ้แบบหมดสภาพแบบนี้มีคนจ้องถล่มซ้ำเยอะ ที่สำคัญ ผู้จัดการของ คริส “ไซบอร์ก” จุสติโน ออกมาแย็ปทันทีว่า “ตอนนี้เธอไม่ต้องป้องกันเข็มขัด (รุ่นแบนตั้มเวท 135 ปอนด์) แล้ว มาฟัดกันที่ 140 ปอนด์ดีกว่า แต่ ดานา ไวท์ ประธาน UFC ปากกล้าบอกว่า น่าจะมี “รีแมทช์” คู่นี้กันก่อนแล้วค่อยว่ากัน ก็ต้องติดตามกันต่อไป
ผ่านพ้นไปแล้วแบบล็อกถล่มสำหรับรายการ UFC 193 ที่มาเปิดตลาดในเมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมาช่วงบ่ายๆ ตามเวลาไทย เมื่อยอดนักสู้หญิง “อีสาวคาวบอย” รอนดา เราซีย์ ขึ้นสังเวียนป้องกันเข็มขัดรุ่นแบนตั้มเวท 135 ปอนด์กับนักสู้สาวใหญ่วัย 34 ปี ฮอลลี โฮล์ม โดยก่อนการต่อสู้แชมป์ไร้พ่ายเป็นต่อหายห่วงถึง 18-1 จากดีกรีที่ชนะรวด 12 ไฟต์ โดย 11 ไฟต์ชนะภายในยกแรก มีเพียงไฟต์เดียวที่ลากไปถึงยก 3 ส่วน 11 ไฟต์ที่จบภายในยกแรกนั้น 9 ไฟต์จบภายใน 1 นาทีแรก มี 2 ไฟต์เท่านั้นที่ใช้เวลาเกิน 1 นาที
ด้านผู้ท้าชิงฉายา “ลูกสาวหลวงพ่อ” เพราะพ่อของเธอเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์ แม้จะมีสถิติไร้พ่ายเหมือนกันด้วยการชนะรวด 9 ไฟต์ แต่คู่ต่อสู้ก็เป็นระดับรองๆ ไม่เคยสู้ในไฟต์ใหญ่ๆ แม้ก่อนหน้านี้มีดีกรีเป็นถึงแชมป์โลกมวยสากลหญิง แต่มวยสากลหญิงในด้านฝีไม้ลายมือก็ไม่เหมือนมวยสากลชาย และนักมวยที่ก้าวมาสู้ในวงการ MMA ก็มักจะไม่ถนัดเกมสู้บนพื้น ถ้าถูกลากลงไปนอนสู้บนผืนผ้าใบแล้วก็จะเป็นรองเยอะ
ปรากฏว่า โฮล์ม ก็รู้ตัวและวางแผนการต่อสู้มาปิดจุดด้อยข้อนี้โดยเฉพาะ โดยยืนระยะห่างจาก “อีสาวคาวบอย” และใช้ฟุตเวิร์กเต้นวนไปรอบๆ เวที ไม่เปิดโอกาสให้ เราซีย์ เข้าจับเทคดาวน์ได้ง่ายๆ แถมยังออกหมัดซ้ายเข้าหน้าเจ้าของเข็มขัดสาวได้หลายดอก รวมทั้งสับศอกซ้ายเข้าเต็มปากเล่นเอา เราซีย์ ปากฉีกเลือดทะลัก กลางยกแชมป์ UFC สาวสามารถจับ โฮล์ม เหวี่ยงลงพื้นได้แต่ทำอะไรไม่ถนัด โฮล์ม ดิ้นลุกขึ้นมาได้ พอท้ายยก “ลูกสาวหลวงพ่อ” สบจังหวะทุ่ม เราซีย์ ลงพื้นได้บ้างแต่แสดงเจตนารมณ์ชัดแจ้งรีบลุกขึ้นมาไม่ยอมสู้เกมบนพื้นด้วยเลย
ขึ้นยก 2 อดีตแชมป์มวยโลกสาวชิงออกอาวุธหมัดตรงซ้ายเข้ากรามและซอกคอ “อีสาวคาวบอย” ได้ 3-4 หมัดติดๆ กัน จน เราซีย์ ถึงกับเป๋ โฮล์ม ได้โอกาสเหวี่ยง เราซีย์ ให้หมุนตัวเข้าระยะแล้วเผดียงแข้งซ้ายเข้าเต็มก้านคอส่งนักสู้สาวล้มครืนลงไปกองกับพื้นเวทีชนิด “ล้มทั้งยืน” แล้วโถมเข้าประเคนหมัดใส่อีก 2-3 หมัดกรรมการเห็นแล้วว่า เราซีย์ หมดสติไม่ยกการ์ดขึ้นมากันแล้ว ก็เข้ายุติการชกให้ โฮล์ม ก้าวขึ้นเป็นเจ้าของเข็มขัดรุ่นแบนตั้มเวทแทน
ไฟต์นี้ต้องยอมรับว่า “ลูกสาวหลวงพ่อ” ทำการบ้านมาดี วางแผนการต่อสู้มาดีมาก และทำตามแผนได้ทุกอย่าง ในขณะที่ เราซีย์ เปิดจุดอ่อนให้เห็นว่าเกมยืนสู้นั้นเธอไม่ถนัดจริงๆ เดินเข้าใส่แต่เงยหน้าตลอดไม่มีการก้มหน้าเก็บคาง เปิดเป้าให้ออกอาวุธใส่สบายๆ แถมการเดินก็เป็นการเดินเข้าทื่อๆ ตรงๆ ไม่มีการเดินตัดเวที ทำให้นักมวยเจนสังเวียนอย่าง โฮล์ม อาศัยฟุตเวิร์กเต้นวนหนีรักษาระยะห่างได้ตามแผน หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าการที่ เราซีย์ ชนะคู่ต่อสู้แบบสบายๆ มาตลอดจะมีผลทำให้การเตรียมตัวไม่เต็มร้อยหรือเปล่า และการที่ชนะยกแรกมาแทบตลอดทำให้เรื่องพละกำลังมีปัญหาหรือเปล่า เรื่องนี้ก็ต้องให้ทีมงานของยอดนักสู้สาวที่เพิ่งลิ้มรสความพ่ายแพ้หมาดๆ มาตอบ
จบไฟต์นี้ต้องหลายๆ คนคงสะใจไปตามๆ กัน เพราะก่อนหน้านี้ “อีสาวคาวบอย” สร้างภาพเป็นนักสู้สาวจอมยโส ไม่ค่อยจะมีน้ำใจนักกีฬาเท่าไหร่ ไฟต์นี้ก่อนสู้ก็ไม่ยอมสัมผัสนวมกับคู่ต่อสู้ พอแพ้แบบหมดสภาพแบบนี้มีคนจ้องถล่มซ้ำเยอะ ที่สำคัญ ผู้จัดการของ คริส “ไซบอร์ก” จุสติโน ออกมาแย็ปทันทีว่า “ตอนนี้เธอไม่ต้องป้องกันเข็มขัด (รุ่นแบนตั้มเวท 135 ปอนด์) แล้ว มาฟัดกันที่ 140 ปอนด์ดีกว่า แต่ ดานา ไวท์ ประธาน UFC ปากกล้าบอกว่า น่าจะมี “รีแมทช์” คู่นี้กันก่อนแล้วค่อยว่ากัน ก็ต้องติดตามกันต่อไป